ตำรวจ...ระทม!!!

หากตั้งคำถามว่าในช่วงเวลานี้ หน่วยงานของรัฐหน่วยใดที่ถูกกระหน่ำและน่าสงสารที่สุด เชื่อว่าคำตอบคงไม่พ้น “ตำรวจ” อย่างแน่นอนทีเดียว จากข่าวการย้ายรายวัน ย้ายยกกะบิ ยิงตัวตาย ผูกคอตาย โดนฝ่ายปกครองแย่งจับ แย่งทำสำนวน ส่งฟ้องเอง และที่น่ารันทดที่สุดก็คงไม่พ้นโดนผู้ที่เป็นนายกระหน่ำซ้ำเติมเสียเอง

     ที่ฮือฮา! และกำลังกล่าวขานพร้อมด้วยข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นและจะเป็นอย่างไรต่อไปคงไม่พ้นกรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สระใคร จ.หนองคาย และฝ่ายทหารจับกุมนักพนันไฮโลได้ 5 คน เมื่อช่วงดึกวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา และต่อมาก็มีการย้ายห้าเสือโรงพักสระใคร ตามฟอร์ม โดยฝ่ายปกครองทำการจับกุมและสอบสวนเอง พร้อมส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดหนองคายทำการฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลและศาลได้ลงโทษไปเรียบร้อย ประเด็นมาอยู่ที่การวิวาทะกันในหมู่ตำรวจและฝ่ายปกครองที่ถกเถียงกันว่า ถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่! ฝ่ายปกครองมีอำนาจสอบสวน หรือไม่! อัยการมีอำนาจฟ้อง หรือไม่! ศาลลงโทษได้ หรือไม่! 
  
     ฝ่ายตำรวจอ้างว่า กฎกระทรวงให้อำนาจฝ่ายปกครองทำการสอบสวนได้เพียง 16 พ.ร.บ. ไม่มี การพนัน, สถานบริการ และอาวุธปืน เห็นว่ากรณีดังกล่าวนี้ แม้ปลัดอำเภอจะมีอำนาจการสอบสวนความผิดอาญาต่างๆ โดยทั่วไปและเป็นพนักงานสอบสวนจะต้องมีอำนาจและหน้าที่ในการปฏิบัติด้วย เมื่อฝ่ายปกครอง มีเพียงอำนาจการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.18 วรรคแรก แต่มิได้มีหน้าที่ทำการสอบสวนความผิดที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.การพนันฯ เพราะกฎกระทรวงมิได้มอบหมายหน้าที่ให้ทำการสอบสวนได้ การสอบสวนจึงไม่ชอบ อัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้อง 

     ด้านฝ่ายปกครองตอบโต้ทันทีว่าการสอบสวนคดีการพนันดังกล่าว ถือว่าเป็นคดีอาญาทั่วไป นายอําเภอในฐานะพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.2(17)(ฎ) ถือเป็นพนักงานสอบสวนตาม ม.18 วรรคแรก และข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยระเบียบการดําเนินคดีอาญา พ.ศ.2523 ข้อ 12.5 กำหนดให้นายอำเภอเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ พนักงานอัยการจึงชอบที่จะรับสำนวนการสอบสวน และมีอำนาจฟ้องคดีได้ 

     ทั้งสองฝ่ายได้โต้เถียงกันเป็นพัลวันผ่านทางโซเชียล แต่ก็อยู่ในวงของผู้ปฏิบัติงาน หามีผู้รู้หรือผู้มีหน้าที่จริงๆ ออกมาให้ความกระจ่างไม่ ก็ยังคงต้องสับสนกันต่อไป หากมองเช่นนี้หลายคนอาจมองว่าดีแล้วที่ฝ่ายปกครองจะออกมาคานอำนาจตำรวจบ้าง แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็คงต้องใช้บรรทัดฐานเดียวกันที่ว่า เมื่อฝ่ายตำรวจจับกุมการพนันได้ต้องย้ายนายอำเภอและปลัดอำเภอบ้างเช่นกัน เมื่อมีเหตุอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นภายในจังหวัดมากมายเมื่อย้ายผู้บังคับการก็ต้องย้ายผู้ว่าฯ ด้วย เอาเช่นนั้นเลย ดีหรือไม่! หากมองอย่างให้ความเป็นธรรมต่อ “ตำรวจ” จะพบว่า “ตำรวจ” รับผิดชอบ พ.ร.บ.ทั้งหมดที่มีโทษทางอาญา ทั้งๆ ที่มีเจ้าภาพหลักอยู่แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังคงต้องรับผิดด้วยและเท่าที่เห็นมามักเป็นฝ่ายเดียว ตัวอย่างเช่น พ.ร.บ.ศุลกากร มีศุลกากรรับผิดชอบ สรรพสามิตมีหน้าที่จัดเก็บภาษีและปราบปรามตามกฎหมายสรรพสามิต แม้กระทั่ง ป.ป.ส.เป็นเจ้าพนักงานโดยตรงของ พ.ร.บ.ยาเสพติด ตำรวจก็ต้องมีส่วนในการสืบสวนจับกุมด้วย “ตำรวจ” จึงกลายเป็นเป้านิ่งที่ถูกกระหน่ำซ้ำเติมตลอด ของหนีภาษีทะลักมากมาย บุหรี่เถื่อน เหล้าเถื่อน ยาบ้าเกลื่อนเมือง ไม่มีใครต่อว่าด่าทอผู้มีหน้าที่หลักเลย ลงที่ “ตำรวจ” ล้วนๆ อาชีพนี้ ในประเทศนี้ มันช่างน่ารันทดเสียเหลือเกิน...

     ที่ซ้ำร้ายเข้าไปอีกก็ตรงที่ “ตำรวจ” มีผู้ที่เป็นนาย ที่เคยให้สัญญากับลูกน้องในวันที่ได้รับตำแหน่งว่าจะบริหารจัดการให้ตำรวจดำรงชีพได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และเป็นที่รักของประชาชน นั่นจำได้ไหมครับแล้วได้ทำหรือยัง... หวังว่าเวลาที่เหลืออยู่ก็รีบๆ ทำเสียอย่าเซ็นแต่คำสั่งย้ายเพียงอย่างเดียว... ใครด่า ใครว่า ใครทับ ใครถม ใครข้าม ใครซ้ำ “ตำรวจ” ทุกนายต้องท่องอุดมคติให้ขึ้นใจว่า “อดทนต่อความเจ็บใจ” แต่นี่ผู้ที่เป็นนายๆ ทั้งหลายกระทำเสียเอง มันคงมีจุดที่สิ้นสุดความอดทนเข้าสักวันจนได้ 


และนี่คือหมายเหตุบ้านเมือง ที่ “ตำรวจ” รันทดกันทั้งเมือง...ทั่น! ผู้นำจะรู้หรือไม่เอ่ย!!! 

ที่มาจากคอลัมน์ หมายเหตุบ้านเมือง โดย คนจร.     นสพ.บ้านเมือง ออนไลน์    
http://www.banmuang.co.th/columnist/politic/43 







     เป็นบทความที่ "เจ้านาย" ควรต้องได้อ่าน  โดยเฉพาะ ผบ.ตร. ที่ลงนามย้าย ช่วยราชการ ด้วยเหตุผลง่าว ๆ หลายครั้ง  อย่างกรณีข้างต้นนี้ จำนวนผู้เล่นการพนัน ไม่กี่คน   ตำรวจจะไปรู้เสียทุกเรื่องได้อย่างไร   ตำรวจมีกลไกแค่ระดับสายตรวจตำบล  แต่ขณะที่ฝ่ายปกครองมีในระดับหมู่บ้าน   อย่าบ้าจี้สร้างบรรทัดฐานบ้า ๆ บอ ๆ ออกมา  เอาเหตุเอาผลมาแสดง  ถ้ามีตำรวจเกี่ยวข้อง หรือปล่อยปละละเลย  อันนี้ต้องย้าย และลงโทษ(รวมทั้งดำเนินคดี)  อย่ามัวแต่ห่วงตำแหน่งตัวเอง  เลยสั่งฟันลูกน้องมั่วไปหมด  ไม่มีหลักเกณฑ์  อย่างนี้ใครจะมีขวัญกำลังใจทำงาน ข้างหน้าก็คมดาบ ข้างหลังก็คมหอก

ปล. กรณี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์  ตัว ผบ.ตร. ฐานะผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบตามคำสั่ง 1212 ด้วยหรือไม่ ?  เพราะอะไร ?? 

ความคิดเห็น