มุมมองนักธุรกิจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ

มุมมองนักธุรกิจเจ้าสงสัยกับการขุดคุ้ยความน่าสงสารของตำรวจ อ่านแล้วเป๊ะมาก ...... นี่มันจริงหรือ !!!!!!!

     ผมเป็นคนนึงที่โดนกระทำแล้วจะแค้นมาก ตอนผมอายุ20กำลังรุ่นๆ โดนตำรวจจับบ่อยมาก... บอกตรงๆว่าแค้น แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะยังทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ผมเรียนจบธุรกิจผมเข้าที่เข้าทาง รายได้ก็หลัก6ต่อเดือน จึงได้มีเวลาออกพบปะเพื่อนๆ และมีความลับอะไรดีๆ มาให้เพื่อนๆชาวเฟสอ่านกันนะครับ 

     ถ้าคุณเป็น*คนดี*และได้ประกอบอาชีพ 1 อาชีพ  อาชีพที่ทำแล้วน่าสงสารที่สุด คือ ตำรวจ...... คิดแล้วจงเปรียบเทียบ

     1.ตำรวจไม่มีวันหยุด = คุณๆหลากหลายอาชีพอาจคิดว่าเงินเดือนน้อยแต่ถ้าคุณเทียบเป็นชั่วโมงละ พวกคุณทำงานวันละ8 ชั่วโมง ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท / 8 = ชั่วโมงละ 37.5 บาท แต่ตำรวจทำงาน 24ชั่วโมง ค่าแรงต่อชั่วโมงคือ 12.5 บาท และต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดการปฏิบัติหน้าที่ ถามคุณจริงๆ แค่จ้างคุณเฝ้าเป็ด 1ชั่วโมง 12.5 บาท ห้ามให้เป็ดหาย ถ้าหายคุณต้องซื้อเป็ดคืนเจ้าของตัวละ200บาท คุณจะรับจ้างหรือเปล่า..... 

     2.หลายคนอาจอยากเปรียบเทียบ ทหารกับตำรวจเหลือเกิน ว่าทำไมตำรวจจะน่าสงสารกว่าทหารไปได้  คิดแล้วจงเปรียบเทียบ  ทหารบอกว่าเป็นรั้วของชาติเสียสละแต่เรารู้เรื่องของทหารน้อยมาก วันๆพวกเขาทำอะไร (ยกเว้นทหาร3จังหวัดชายแดนใต้เป็นแค่ 5%เท่านั้นของทหารทั้งหมดและทหารที่อยู่แนวชายแดน10%)นอกนั้นเราไม่รู้เลย สมัยนี้มีสงครามที่ต้องกลัวว่าจะไปรบแขนขาขาดหรือตายไหม บอกเลยว่าตั้งแต่ สงครามโลกครั้งที่2รถถังแทบจะจอดอยู่กับที่และมีไว้สำหรับซ้อมรบเท่านั้น ซ้อม ๆ ๆๆๆ แล้วก็ซ้อม มีภาพถ่ายตามอินเตอร์เน็ตมากมายที่สื่อให้เห็นว่าตำรวจกินเหล้าเปรมปรีดาส่วนทหารกินข้าวกลางดินกลางทราย คงไม่แปลกที่เราเห็นกันอย่างนั้น..... เพราะตำรวจต้องดูแลเราทุกวัน ชีวิตคุกคลีอยู่กับเรา และการเป็นอยู่ตำรวจต้องเปิดเผย เพราะเราๆ จ้องจะจับผิดพวกเขาอยู่แล้วซักวันนึงเราก็ต้องเห็นภาพแบบนั้นแต่ด้วยเหตุผลใดสุดท้ายเราก็คิดว่าตำรวจไม่ดี(มันเป็นความลำเอียงในใจเราอยู่แล้ว) ส่วนภาพทหารที่เราเห็นกัน ส่วนมากคือภาพจากการฝึก ซึ่งปีนึงฝึกกันไม่เกิน 2-3 ครั้ง ใช้เวลาต่อครั้ง 15-30 วัน ส่วนเวลาที่เหลือเราไม่รู้เลยพวกเขาอยู่ค่ายหรือไม่ ....... 

     ทหารเกณฑ์ ฝึกหนักเท่ากับนักเรียนพลตำรวจ(น.ส.ต.สมัยนี้) แต่แค่3เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นก็ขึ้นกองร้อย นอนไขว่ห้างรอสอนรุ่นน้อง เข้าเวร เฝ้ารั้วค่าย รอปลด ส่วนคนที่ไม่อยากใช้ชีวิตในรั้วค่าย เงินเดือน-เบี้ยเลี้ยง ให้นายไป ส่วนคุณไปทำงานที่บ้าน รอสิ้นเดือนมาเบิกตังค์ให้นาย สบายไหมล่ะ ส่วนนักเรียนพลตำรวจ 12เดือนเต็มพวกเขาฝึกกันจนวันจบ ......ไม่มี3เดือนขึ้นกอง ไม่มีลาพักผ่อน 15 วัน 1 เดือน ........

     เมื่อพอรู้เรื่องคร่าวๆ มาดูความเสี่ยงของตำรวจ และทหารกันว่าใครเสี่ยงกว่ากัน เมื่อถูกลงโทษ ทหารมีศาลของตัวเอง หลายครั้งที่มีเรื่องทหารเกี่ยวข้องคดีและพวกเขาตัดสินกันเอง....ผลประการใด คงรู้ดี 
ตำรวจเมื่อถูกลงโทษ จะถูกลงโทษทั้งวินัยตำรวจ และทางกฏหมาย สังคมตำรวจ เจ้านายน้อยคนนักที่จะเอื้อมมือลงไปช่วยพวกเขาเมื่อพวกเขามีปัญหา ส่วนมากเจ้านายจะเชื่อคนอื่นมากกว่าพวกเขาเอง

     เมื่อเกิดอาชญากรรมตำรวจคือปราการด่านแรกที่ผู้ร้ายต้องปะทะ และสถิการสูญเสีย ตำรวจที่บาดเจ็บและตายในการปฏิบัติหน้าที่ (โดนยิงในร้านทอง, ปะทะอาชญากร, โดนรถชน )มากกว่าทหารที่่ถูกระเบิด หรือ โดนยิงหลายเท่านัก คุณอาจจะบอกว่า ทหารที่ใต้โดนระเบิดกันทุกวัน แต่อย่าลืม ทุกที่มีตำรวจ ที่ใต้ก็มี ตชด.แต่ที่สำคัญคือ แล้วทหารค่ายอื่นๆ เขามีสถิการบาดเจ็บ ล้มตายหรือไม่...??? แต่ตำรวจ ไม่จำเป็นต้องอยู่ชายแดนใต้ พวกเขาก็มีความเสี่ยงในตัวตลอดเวลา .....ทั้งนี้ทั้งสองอาชีพมีความสำคัญ แต่นี่คือการยกตัวอย่างในเรื่องที่กำลังเจาะประเด็น อย่าน้อยใจหรือมีความคิดแปลกแยกนะครับ...

     3.ถ้าคุณคิดว่าจะเปรียบเทียบพวกตำรวจกับอาชีพอื่นในใจคุณ จงหยุดนะครับ ผมรู้ทัน พ่อผมเป็นหมอ พี่สาวผมเป็นพยาบาล ญาติผมเป็นอัยการ พวกเขารายได้ต่อชัวโมงสูงมาก มีรีสอร์ทมีธุรกิจส่วนตัวเยอะแยะ ถึงจะเหนื่อยก็คุ้มครับ ไม่พอใจเขาเลิกตอนไหนก็ได้ 

     4.สวัสดิการต่างๆ อันนี้ผมได้สอบถามจากเพื่อนซึ่งประกอบอาชีพ3อาชีพในวงเหล้าแล้วพวกมันแซวกัน ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ การรักษาพยาบาลคงเท่าเทียมกันสำหรับอาชีพข้าราชการ แต่สำหรับที่อยู่อาศัย เมื่อคุณฟังคำบางคำคุณก็จะพอรู้ว่ามันต่าง..... บ้านพักครู  บ้านพักทหาร แฟตตำรวจ 
ก็คงจะพอเข้าใจนะครับ บ้านพักครูคือบ้านหนึ่งหลัง บ้านพักทหาร หากเป็นยศร้อยเอกขึ้นไป ก็เป็นบ้านหนึ่งหลัง ส่วนถ้าเป็นสิบโท-จ่าจะได้1คูหา (2ชั้น) ส่วนตำรวจ เราคงเข้าใจคำว่าแฟตกันดี คุณจะยศพันตำรวจเอก หรือ สิบตำรวจตรี คุณก็ได้อยู่ 1 ห้องนอน 1ห้องโถง และ 1ห้องน้ำ เท่ากันทุกคน..... 





     5.เครื่องมือเครื่องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา อันนี้ผมก็สอบถามจากตรงนั้นเช่นกัน ได้ความว่าตำรวจกับครูนี่ลงทุนใกล้เคียงกันครับ คุณครูส่วนมากจะหนักทางเครื่องนำเสนอภาพ ค่าเข้าเล่มแฟ้ม ปากกา กระดาษ ซึ่งมันก็ไม่หนักหนาเท่าไหร่ ส่วนทหาร ทุกอย่างคุณไม่ต้องซื้อครับ ตั้งแต่เครื่องแบบ ยันกางเกงในเขาก็มีให้ อาวุธประจำกายก็เบิกใช้ สรุปคือคุณอยู่ในนั้นได้โดยไม่ต้องซื้ออะไรเข้าไปเลย ส่วนพี่ตำรวจ เอาเป็นว่าตรงกันข้ามกับพี่ทหารก็แล้วกันนะครับ เครื่องแบบ หมวก รองเท้า เสื้อเกราะ เครื่องมือสนาม ปืน เสื้อสะท้อนแสง ผมถามเพื่อนว่าแล้วอะไรที่เขาให้มึง มันบอกมันคิดไม่ออก.... ถ้านอกจากปืนหลวง ขนาด .38 หรือ 9 มม.นี่แล่ะ ผมก็จำไม่ได้ ที่ทางหลวงให้เบิก ซึ่งมันก็เก่าจนแทบจะใช้ปาหัวแทนแล้วนั้น นอกนั้นก็ไม่มีอะไรให้ .......

     6.อันนี้ผมก็สอบถามจากพ่อเพื่อนที่เป็นทหารมานะครับ การทำงานจริงของตำรวจและทหารครับ ผมก็สงสัยว่าทำไมแกไม่ไปทำงานเลย พาแม่เพื่อนไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้างไปลาวบ้าง ผมมีโอกาสสอบถามได้ความว่า ทหารก่อนเกษียณ1ปีสุดท้ายพวกเขาให้เกียรติกัน ไม่ต้องไปทำงานครับ จริงไม่จริงนั้นเจ้าตัวที่เป็นทหารพวกเขาคงรู้แก่ใจ ส่วนพี่ตำรวจนั้นไม่แปลกครับผมหลังบ้านติดแฟตตำรวจวิ่งเล่นตั้งแต่เด็กจนโต สอบถามลุงหมวดนายร้อย แกบอกแกได้เพราะอายุครบ 53 ปี นี่และครับถ้าจำไม่ผิด แกบอกว่าอีก 6 เดือนแล้วลุงจะเกษียณ แต่ลุงก็ยังต้องตื่นตี5ไปโบกรถเหมือนเดิม.... เออ ชีวิตพวกเขานี่เหมือนโดนสาปจริงๆนะครับ 

     ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับหลายคนหลายอาชีพ แล้วเอาความเห็นในมุมๆหนึ่งมาให้เพื่อนๆอ่านกันนะครับ ผมจึงตั้งหัวข้อภายใต้คำว่า"หากคุณเป็นคนดี อาชีพตำรวจนี่และน่าสงสารที่สุด" อ่านจบแล้วสุดแต่จะคิดต่อไปนะครับ นานาจิตตัง ถ้าตราบใดตำรวจยังต้องบังคับใช้กฏหมาย จับเราตอนเราทำผิด เราไม่มีทางช่วยพวกเขาให้พ้นคำสาปได้

ปล. ขอบคุณเจ้าของบทความที่ส่งต่อกันมาทางไลน์ เลยเอามาลงให้อ่านกันครับ 

ความคิดเห็น