รัฐแก้ กม. ปลูกกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ !

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ “กฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 เฉพาะกัญชง หรือ เฮมพ์ (Hemp)” ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกกัญชง หรือ เฮมพ์ (Hemp) สำหรับการใช้ประโยชน์ในครัวเรือน (ใช้ในการทอเส้นใยผ้า) และในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้กฎกระทรวงดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเมื่อประกาศฯ แล้วจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 360 วันนับแต่วันประกาศเป็นต้นไป 

     โดยในระยะ 3 ปีแรกนับแต่วันประกาศ จะให้เฉพาะหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ขออนุญาตผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง  และให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ประเมินผลเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาว่า เหมาะสมหรือไม่ที่จะอนุญาตให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมายื่นขออนุญาต

     สาระสำคัญของกฎกระทรวง คือ สายพันธ์ กัญชง หรือ เฮมพ์ (Hemp) ที่จะปลูกได้ต้องมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol หรือ THC) ไม่เกินร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง วัตถุประสงค์ของการ ขออนุญาตกำหนดไว้เพื่อ 
  1. ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือน 
  2. ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมในเชิงพาณิชย์ 
  3. ปลูกสำหรับการศึกษาวิจัย 
  4. ผลิตเมล็ดพันธ์สำหรับปลูกตามข้อ 1-3  
  5. เพื่อจำหน่ายเมล็ดพันธ์ ลำต้นสด หรือส่วนอื่นตามที่ได้รับอนุญาต 
  6. เพื่อใช้ประโยชน์อื่นตามที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษกำหนด
     โดยกำหนดให้ผู้รับอนุญาต ต้องมีแผนการผลิต การจำหน่าย การใช้ประโยชน์ตามขั้นตอนที่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งมีสถานที่รักษาเมล็ดพันธ์ตามวัตถุประสงค์ของการอนุญาต มีการตรวจวิเคราะห์เพื่อหาปริมาณสาร THC ในกัญชงที่ปลูก

     สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน)  มูลนิธิโครงการหลวง ได้ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทาง เพื่อเตรียมการรองรับ เมื่อกฎกระทรวงนี้ มีผลบังคับใช้  ซึ่งจะเป็นมาตรการเพิ่มเติม สนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง โดยดำเนินการเพื่อปรับปรุงพันธุ์และผลิตเมล็ดพันธุ์กัญชงที่มีปริมาณสาร THC ต่ำกว่าร้อยละ 0.5 และมีผลผลิตเส้นใยหรือปริมาณเมล็ดสูงและคุณภาพดี การส่งเสริมเกษตรกรปลูกเพื่อผลิตเส้นใยภายใต้ระบบควบคุมและการแปรรูป        จากเส้นใยภายใต้ระบบควบคุมของรัฐ การพัฒนากระบวนการแปรรูปลดขั้นตอนและลดระยะเวลาในการผลิต รวมทั้งการปรับปรุงและออกแบบผลิตภัณฑ์จากกัญชงที่มีรูปแบบที่ทันสมัย 

     นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวต่อว่า "สำนักงาน ป.ป.ส. จะนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ส. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว พร้อมทั้งจะกำหนดกลไกในการกำกับดูแลการปลูกกัญชงทั้งในระดับส่วนกลาง และในระดับพื้นที่ (จังหวัด/อำเภอ/ตำบล) ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้อนุญาตให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ทดลองปลูกกัญชาเพื่อการวิจัยในด้านเมล็ดพันธุ์ การส่งเสริมการปลูกและการสร้างมูลค่าเพิ่ม การพัฒนากระบวนการแปรรูปจากเส้นใย โดยทดลองปลูกใน 6 จังหวัด 15 อำเภอ เท่านั้น คือ จังหวัดเชียงใหม่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่วาง แม่ริม สะเมิง แม่แจ่ม จังหวัดเชียงราย 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเทิง เวียงป่าเป้า แม่สาย จังหวัดน่าน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาหมื่น สันติสุข สองแคว จังหวัดตาก 1 อำเภอ คือ อำเภอพบพระ จังหวัดเพชรบูรณ์ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง หล่มเก่า เขาค้อ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 อำเภอ คือ อำเภอเมือง"





     "ส่วนการปรับแนวทางการควบคุมและกำกับดูแลการปลูกกัญชง โดยการส่งเสริมกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ เพื่อนำเส้นใยมาผลิตเสื้อผ้า กระเป๋าฯ นั้น ยังคงมีการควบคุมจากภาครัฐ โดยมีการกำหนดการขออนุญาตปลูก พื้นที่ปลูก และให้ใช้ประโยชน์ได้เฉพาะตามที่ได้รับอนุญาต และต้องมีการตรวจวัดปริมาณสาร THC ของกัญชงที่ปลูก ต้องไม่เกิน ร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำกัญชงไปใช้ในทางที่ผิด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชงให้มากขึ้นด้วย"

*****************

     อ่านข่าวให้ครบนะครับ  ไม่ใช่ไปปลูกเองเรย  เขาให้หน่วยงานรัฐปลูกก่อน 3 ปี  แล้วพิจาณาอีกครั้งว่าจะสามารถให้บุคคล หรือนิติบุคคลปลูก ครอบครอง และ จำหน่าย ได้หรือไม่


ความคิดเห็น