ฟ้องผิดตัว ครูติดคุกฟรีปีกว่า !

นับเป็นเรื่องน่าละอายอีกครั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ที่มีการดำเนินคดีกับผู้บริสุทธิ์ให้ต้องตกเป็นผู้ต้องหา  ต้องสู้ถึงฎีกา และถูกตัดสินจำคุกไปปีกว่า สูญเสียทั้งหน้าที่การงาน ศักดิ์ศรี และอนาคตที่ดีของตนเองและครอบครัว  จนเกิดการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่  พบผู้ต้องหาตัวจริง  แต่สิ่งที่สูญเสียไปจะชดเชยอย่างไร  

     เรื่องราวของ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต เมื่อปี 2548 และถูกจำคุกตั้งแต่เมื่อปี 2556 ก่อนได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2558 ทำให้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเป็นการจับผู้ต้องหาผิดตัว จนกระทั่งติดตามผู้ต้องหาตัวจริงมาได้ และยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำผิดจริง โดยศาลได้นัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 16 มกราคมนี้ 

     ทั้งนี้นางจอมทรัพย์ ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุได้อยู่กับครอบครัวที่ จ.สกลนคร แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ จ.นครพนม ซึ่งหลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เรณูนคร จ.นครพนม จำได้เพียงหมายเลขทะเบียนรถ บค 56 แต่จำจังหวัดไม่ได้ และได้ส่งหมายเรียกมาหาตน ซึ่งตนได้ยืนยันว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548 ตนอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปขับรถชนใคร  แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังยืนยันให้ตนไปต่อสู้คดีในชั้นศาล ต่อมาศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ตนติดคุก 3 ปี 2 เดือน ตนจึงได้ยื่นอุทธรณ์เพื่อขอสู้คดีจนศาลพิพากษายกฟ้อง  แต่ทางคู่กรณีได้ฎีกาต่อสู้จนศาลพิพากษาให้ยืนตามศาลชั้นต้นและไม่รอลงอาญา 

            นางจอมทรัพย์ เล่าต่อว่า หลังจากมีคำพิพากษาจากศาลทำให้ถูกทางโรงเรียนไล่ออก และถูกธนาคารฟ้องหลังจากที่ตนไปกู้เงินเอาไว้ รวมทั้งลูกชายที่สอบติดมหาวิทยาลัยก็ต้องลาออกเพราะไม่มีเงินเรียน เนื่องจากตนเป็นเสาหลักของครอบครัว และเมื่อตนออกจากคุกแล้วเหมือนชีวิตพัง ไปทางไหนเพื่อนบ้านก็รังเกียจ ชีวิตตกต่ำมาก ต้องคอยอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ส่วนลูกศิษย์ที่เคยนับถือก็หันหน้าหนี 

     นางจอมทรัพย์ฯ บอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้เคยมีคนมาถามว่า ทำไมไม่ยัดเงินกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนตอบไปว่า หากยัดเงินจะทำให้กระบวนการยุติธรรมพัง ตำรวจก็ได้ใจ หากจะต้องติดคุกก็ยอม แต่กระบวนการยุติธรรมต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดจริง ไม่ใช่ว่าผู้ร้ายตัวจริงลอยนวล ส่วนผู้บริสุทธิ์ต้องเป็นแพะ ตนขอยอมติดคุกดีกว่าแล้วค่อยมาสู้ทีหลัง (ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก http://hilight.kapook.com/view/147607 ) 





     แม้ว่าจะเป็นความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมไทยที่คิดแล้วไม่ถึง 0.1 % จากคดีความทั้งหมดก็ตาม  แต่ในหลักการที่ว่า "ปล่อยคนผิด 10 คน ดีกว่า เอาคนบริสุทธิ์เพียง 1 คน ติดคุก"  ย่อมเป็นความผิดพลาดที่ยอมรับไม่ได้  กับการทำลายชีวิตคน ๆ หนึ่ง รวมทั้งคนรอบข้าง ให้สูญเสียทั้งอิสรภาพ โอกาสในชีวิต ศักดิ์ศรี ฯลฯ   ความผิดพลาดมันเริ่มต้นจากพนักงานสอบสวน  ที่มั่ว ตั้งแต่เรื่องทะเบียนรถ  หลักฐานแค่นั้นจะฟ้องได้อย่างไร  หัวหน้างานสอบสวน หัวหน้าสถานีปล่อยให้คดีอย่างนี้ผ่านไปได้อย่างไร แม้จะมีความกดดันจากฝ่ายผู้ตายเท่าไหร่ก็ต้องคงมาตรฐานความรอบคอบ  ต้องมีหลักฐานอย่างแน่นหนาพอสมควรที่จะฟ้องเอาผิดใคร

     ส่วนรายละเอียดในกระบวนการอัยการ-ศาล นั้นก็ต้องมีข้อผิดพลาดแน่นอน  เพราะถ้าไม่เลินเล่อใช้ความละเอียดรอบคอบ  น่าจะมีผลการตัดสินที่แตกต่างไป  หรือมีปัจจัยใด ๆ คงต้องหารายละเอียดกันเพิ่มเติม  อัยการ กับศาล ที่ว่าแน่ ๆ จบเนติบัณฑิตไทย มีประสบการณ์พิจารณาคดี  ยังไม่สามารถหาความจริงได้  อันนี้ก็น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน

     เห็นว่าจะมีการตั้งกรรมการพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี  เพื่อหาสาเหตุแห่งความผิดพลาด  และเป็นบทเรียนให้กับพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ  รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องหาทางเยียวยา ครูจอมทรัพย์ฯ  ให้ความรู้สึกของคุณครูและครอบครัวดีขึ้นมาบ้าง(นึกถึงท่าน พล.ต.อ.พงศพัศ  พงษ์เจริญ ที่เคยทำหน้าที่แบบนี้ประจำ  ไม่รู้ตอนนี้ใครจะรับบทบาทนี้)  

ความคิดเห็น