ในปัจจุบันเชื่อว่าทุกสถานีตำรวจจะมีประเภทการเกิดคดีต่าง ๆ คล้าย ๆ กัน(เว้น จชต.) คือจะมีคดียาเสพติดมาเป็นอันดับหนึ่ง ประมาณ ครึ่งหนึ่งของคดีทั้งปี รองลงมาจะเป็นคดีเกี่ยวกับชีวิตร่างกาย และ คดีเกี่ยวกับทรัพย์(ถ้ารับคดีหมดสงสัยจะสูสียาเสพติด) นอกนั้นก็เป็นคดีกลุ่ม 5 อื่น ๆ เช่น อาวุธปืน , การพนัน ฯลฯ
แต่ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งโรงพักเครียด และวิ่งวุ่นคือคดีอุกฉกรรจ์ ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรในการติดตาม คลี่คลาย จำนวนมาก จนทำให้กระทบกับงานด้านอื่น ๆ ไปด้วย ดังนั้น การควบคุมคดีอาชญากรรมในพื้นที่ วิธีที่ดีที่สุดก็คือการจับกุมคดียาเสพติด และอาวุธปืน ให้ได้มากที่สุด(การบุก คือการตั้งรับที่ดีที่สุด) เนื่องจาก
การจับกุมยาเสพติด จะทำให้บรรดาขี้ยา ตั้งแต่ปลายแถว กลางแถว หัวแถว ในพื้นที่ มีคดีติดตัว บางคนไม่ได้ประกัน ทำให้ลดจำนวนกลุ่มเสี่ยงที่จะก่ออาชญากรรมประเภทคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ไปได้ส่วนหนึ่ง ถ้าคนที่อยู่โรงพักก็จะทราบว่าคดีลักทรัพย์ส่วนมาก ผู้ก่อเหตุมักมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด เมื่อไม่มีเงินซื้อยาเสพก็จะตระเวนลักทรัพย์ในสถานที่ต่าง ๆ เรียกว่าลักเล็กขโมยน้อย เพื่อและกับเงิน และการเสพยา ซึ่งหัวขโมยเหล่านี้มีโอกาสพัฒนาความเลวไปในระดับ ชิงทรัพย์ ปล้น ฆ่า ได้ไม่ยาก แล้วอย่าลืมมาตรการยึดทรัพย์ และตรวจสอบทรัพย์สิน วิธีนี้ใช้ได้ผล เพราะไม่ให้มีอะไรเหลือให้พวกเดนมนุษย์ เอามาทำร้ายสังคมได้อีก
การจับกุมอาวุธปืน จะทำให้ความผิดเกี่ยวกับชีวิตร่างกายลดลงแน่นอน โดยเฉพาะปืนเถื่อน ที่มีโอกาสใช้ในการกระทำผิดมากที่สุด กลุ่มผู้ครอบครองปืนเถื่อนส่วนมากเป็นวัยรุ่น อ้างว่าเอาไว้ป้องกันตัวจากคู่อริ หรือไม่ก็นักเลงโตในชุมชน พวกนี้พอเหล้าเข้าปากแล้วมักจะทำเรื่องโง่ ๆ ก่อเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปวดหัว วิธีการจัดการก็ค้นบ้าน ตั้งด่านค้นรถ ค้นตัว และต้องขยายผลถึงที่มาของอาวุธปืนด้วย เพื่อติดตามไปถึงผู้ค้า ผู้ผลิต(ตรงนี้ยากมาก เลยไม่ค่อยทำกัน) ให้คิดเสียว่าเอาปืนออกจากมือคนเลว 1 กระบอก คือการลดคดีอุกฉกรรจ์ 1 คดี(อย่างน้อย) คือ การช่วยชีวิตคนนั่นเอง
ก็ฝากเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกท่านช่วยกันครับ ไม่ต้องคำนึงว่าปีที่แล้วจับเท่าไหร่ ปีนี้จับมาก ปีหน้าจะลำบาก(คนประชุม และโดนด่าคือ หน.สภ.ฯ 5 5) ให้ทำเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง เพื่อประชาชน เพื่อสังคมที่ลูกคุณอาศัยอยู่จะได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ขอบคุณครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น