จับแก๊งค์ตำรวจโจร เรียกค่าไถ่ !!

ฉาวอีกแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ตั้งแก็งค์จับชาวลาวเรียกค่าไถ่  แต่ถูก ผู้การหนองคายซ้อนแผนเข้าจับกุมได้ยกแก๊งค์ พร้อมเงินของกลาง 300,000 บาท อาวุธปืนรวม 8 กระบอก  ยาเสพติด และของกลางอื่น ๆ อีกหลายรายการ  โดยมีเนื้อข่าว ดังนี้

    หนองคาย - ผู้การซ้อนแผนนำกำลังจับกุมรอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมตำรวจรวม 6 นาย พลเรือน 2 คน หลังชาวลาวเข้าขอความช่วยเหลือ จับตัวแม่-น้องชายเรียกค่าไถ่
       
     เมื่อเวลา 19.00 น. คืนวันที่ 26 เม.ย. 58  ที่ลานรับฝากรถตรงข้ามวัดจันทรสามัคคี ใกล้กับด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จว.หนองคาย พร้อม พ.ต.อ.อัครพงศ์ พิมลศิริ รอง ผบก.ภ.จว. พ.ต.อ.อภิศักดิ์ กรองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.หนองคาย และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคายกว่า 60 นาย เข้าทำการจับกุม ร.ต.อ.สุรพัศ เพ็ญศรี อายุ 34 ปี รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.ท.พีระพงษ์ ตรีพงษ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.ต.สมเด็จ สุขรมย์ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ด.ต.ปกรณ์ สุขประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี ด.ต.ชัยณรงค์ อรดี ผบ.หมู่ จร.สภ.เมืองอุดรธานี ด.ต.วิรัตน์ ตานุชนม์ ผบ.หมู่ (สส.) สภ.เมืองอุดรธานี นายธวัช ทิพสุภา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 403/12 ม.1 ซ.บ้านหนองบัว ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ตำรวจอาสา และนายตี๋ อาจสุวรรณ์
       
       พร้อมยึดของกลางอาวุธปืนพกสั้น 7 กระบอก ซองกระสุนและกระสุนขนาดต่างๆ จำนวนมาก ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก เงินสด 300,000 บาท ยาบ้า 108 เม็ด ยาไอซ์ 1 ถุง รถกระบะ 2 คัน รถยนต์ 1 คัน
       
       ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 เม.ย. นางพวงมาลี ตันทะแก้ว อายุ 20 ปี ชาวเมืองสีโคดตะบอง สปป.ลาว เข้าพบ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จว.หนองคาย เพื่อขอความช่วยเหลือ ว่าเมื่อเย็นของวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา นางบัวจัน ตันทะแก้ว อายุ 55 ปี และท้าวพอนสะหวัน ตันทะแก้ว อายุ 14 ปี แม่และน้องชายของตนได้เดินทางมาที่ จ.หนองคาย แต่ถูกกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.อุดรธานี จับกุมและตั้งข้อหาค้ายาบ้า ทั้งที่ตนและครอบครัวไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวได้ให้แม่โทรศัพท์มาหาตน และให้นำเงิน 2 ล้านบาทมาไถ่ตัว ไม่เช่นนั้นจะนำตัวแม่และน้องชายไปส่งที่สถานีตำรวจ
       



       ด้วยความกลัวว่าแม่และน้องชายจะได้รับอันตราย จึงได้เข้าขอความช่วยเหลือจากผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย
       
       จากนั้น พล.ต.ต.ชูรัตน์ได้วางแผนให้ความช่วยเหลือแม่ลูกชาวลาว และจับกุมตัวกลุ่มคนดังกล่าว โดยให้นางพวงมาลีทำทีโทรศัพท์ต่อรองค่าไถ่ จนกระทั่งเหลือ 3 แสนบาท และนัดจ่ายเงินค่าไถ่กันเวลา 19.00 น. ที่ลานจอดรถตรงข้ามจันทรสามัคคี ใกล้กับด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย เมื่อถึงเวลานัดหมายเจ้าหน้าที่ได้ปลอมตัวเป็นคนขับรถแท็กซี่ พานางพวงมาลีพร้อมเงินสด 3 แสนบาทไปยังจุดนัดหมาย จนถึงลานจอดรถได้พบกลุ่มคนดังกล่าว พร้อมท้าวพอนสะหวันในรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน บษ 5977 อุดรธานี และรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน บม 1672 ร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดักซุ่มอยู่จึงได้เข้าแสดงตัวจับกุม นอกจากนี้ยังพบยาบ้า 108 เม็ด ยาไอซ์ 1 ถุง
       
       ต่อมา ร.ต.อ.สุรพัศ เพ็ญศรี อายุ 34 ปี รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ได้ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีเทา ทะเบียน กท 9951 อุดรธานี เดินทางมาพร้อมกับนางบัวจัน โดยยืนยันว่าตนพร้อมพวกอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการขยายผลการจับกุม จึงได้เชิญทั้งหมดไปให้ปากคำที่ สภ.เมืองหนองคาย
       
       ด้านนางบัวจัน ตันทะแก้ว กล่าวว่า เมื่อตอนบ่ายของวันที่ 25 เม.ย. ตนและท้าวพอนสะหวัน ตันทะแก้ว ลูกชายได้เดินทางมาหนองคาย โดยได้ไปซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย ต่อมาได้รับโทรศัพท์จากท้าวทอง ชาวลาวซึ่งเป็นคนรู้จักกัน โทรศัพท์มาขอร้องให้ตนไปรับเงินค่าซื้อขายไม้แทนท้าวทอง โดยจะมีคนนำเงินมามอบให้
       
       ต่อมาได้มีนางพัชรมัย พรหมวิชัย อายุ 40 ปี ชาวบ้านลุมพุก ต.ท่าศิลา อ.สองดาว จ.สกลนคร นำถุงอะไรไม่ทราบมาให้ จากนั้นก็ได้มีชายทั้ง 8 คนที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจแสดงตน พร้อมบอกว่าตนขายยาบ้าและมารับเงินค่ายาบ้า ซึ่งตนและครอบครัวไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลย
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้นำตัวทั้ง 8 คนส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์





     ต้องขอยกย่อง พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จว.หนองคาย และ ตร. ชุดจับกุม  ที่ได้ช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้ได้ส่วนหนึ่ง  ทั้งยังพิสูจน์ว่าตำรวจยังเป็นที่พึ่งของประชาชนได้   ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย  นั้นขอให้พี่น้องตำรวจดูเป็นอุทาหรณ์เอาไว้นะครับ  ไม่มีใครทำผิดแล้วจะรอดไปได้ตลอด   และมันไม่คุ้มเลยกับชื่อเสียงวงศ์ตระกูล  กับความเป็นอยู่ของครอบครัวหลังจากนี้  ใครที่หลงผิด  คิดว่าจะทำผิด ให้กลับตัวกลับใจเสียเดี๋ยวนี้  เพื่อน ๆ ในโรงพักเดียวกันก็คอยสอดส่อง คอยเตือนกันด้วยอีกแรงหนึ่ง  อย่าให้มีอีกเลยครับ

ความคิดเห็น