ไทยอันดับ 2 ของโลก ตายจากอุบัติเหตุจราจร

ในปีหนึ่ง ๆ เราต้องสูญเสียพี่น้องประชาชน และทรัพย์สินไปกับอุบัติเหตุจราจร จำนวนมาก  ยังมีผลกระทบที่ตามมาคือความพิการ ทุพพลภาพ  การต้องขาดรายได้  ปัญหาหนี้สิน ฯลฯ    หลายรัฐบาลพยายามรณรงค์กันมาหลายปี ทั้งในเรื่องเมาแล้วขับ  การสวมหมวกนิรภัย  การคาดเข็มขัดนิรภัย ฯลฯ  แต่ก็ดูเหมือนว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด  มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ ?

     มาดูสถิติอุบัติเหตุที่มีการเก็บกันอย่างเป็นทางการกันบ้างครับ อันแรกจากเว็บไซต์ วิกิพีเดีย ที่มีการเก็บสถิติในปี 2013  ค่าเฉลี่ยการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ของโลกอยู่ที่ 17.4   ประเทศที่ได้อันดับ 1 ได้แก่ ลิเบีย ที่เสียชีวิตบนท้องถนนถึง 73.4 คนต่อแสน ทิ้งประเทศไทยไปอย่างไม่เห็นฝุ่นเลยครับ  ไทยตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 36.2 คนต่อแสน


     ถัดมาเป็นเว็บไซต์ www.livescience.com  ที่มีรายงานออกมาในเดือน ก.พ. 2014(ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อมูลปีไหน)  อันดับ 1 คือ นามิเบีย ที่มีอันตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 45 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน   ที่น่าสนใจคือ พี่ไทย เกาะมาในอันดับ 2 ได้อีก ด้วยสถิติตาย 44 คน/ประชากรแสนคน  ส่วนค่าเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ 18 คน/ประชากรแสนคน


     ลองไล่เรียงดูประเทศที่อยู่ใกล้ ๆ กับเรา  จะเห็นได้ว่าเป็นประเทศในทวีปแอฟริกาเป็นส่วนใหญ่  ใครที่เคยคิดว่าเราเป็นประเทศที่เจริญกว่า ศิวิไลซ์กว่า คงต้องคิดกันใหม่  ปัญหาอุบัติเหตุมันไม่ได้อยู่ที่ความเจริญทางด้านวัตถุ  แต่เป็นพฤติกรรม และนิสัยของประชากรมากกว่า


     มาวิเคราะห์นิสัยของคนไทยกันดูครับ ว่าทำไมประเทศไทยถึงได้ติดอันดับโลกในเรื่องอุบัติเหตุในทุกการสำรวจ  ไม่แน่ว่าปีต่อไป เราอาจขึ้นที่ 1 โลกเลยก็ได้  คนไทยลองตั้งใจทำอะไรแล้ว ไม่แพ้ชาติใดในโลก   มาดูตัวอย่างนิสัยเสียบนท้องถนนของคนไทยกันครับ
  • ถนนสาธารณะคือสนามแข่งรถ   กูต้องเร็วกว่าคนอื่น ต้องชนะ ต้องถึงที่หมายก่อน  กฎหมายกำหนดค่อนข้างเป็นสากลนะครับ ให้ขับไม่เกิน 90 กม./ชม.(ในถนนนอกเมือง  ส่วนในเมืองก็ต้องช้ากว่านี้)  ประเทศที่เจริญแล้ว ประชาชนเขาเคารพเคร่งครัดกันมาก  มีกล้องส่อง ส่งใบสั่งไปถึงบ้าน  ปรับแพงด้วย  เวลาไปเมืองนอกเราชื่นชมความมีวินัย และเป็นระเบียบของเขา  แต่พอกลับมาเมืองไทย เรากลับทำตรงข้าม แปลกนะ  อุบัตเหตุที่ตายก็มาจากการขับเร็วทั้งนั้น บางคนอ้างว่ารถเขาทำมาให้วิ่งได้ตั้ง 200 กม./ชม.  น่าจะแก้กฎหมายให้ขับได้เร็วขึ้นนะ  ถ้างั้นประเทศที่เขาเจริญแล้ว คงแก้ไขกฎหมายให้วิ่งได้เร็ว ๆ ไปแล้วสิครับ  คิด สิ คิด  ตัวถังรถที่คุณซื้อมา มันรับแรงกระแทกได้ที่กี่ กม./ชม. ไปหาดูซะ
  • ทั้งเมา ทั้งง่วง ก็จะขับ  อันนี้พาตายแน่นอน  เพราะไม่มีสติจะบังคับรถ  รถจะชนด้วยความเร็วแบบไม่มีการเบรค หรือชะลอรถ  และจะพาตายหลายศพด้วย
  • เอาสะดวกกูเข้าว่า  คนอื่นช่างแม่ง   จอดรถซ้อนคันซื้อของแป๊ปเดียว  ,  ขับย้อนศรไปตรงนี้เอง  ,  อยู่เลนขวา ปาดเลี้ยวซ้าย  ไม่ยอมต่อคิว ฯลฯ
  • ความปลอดภัยมาทีหลัง  ขี่ไปแค่นี้ต้องใส่หมวกด้วยเหรอ , ขับแค่ในเมืองไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยหรอก ฯลฯ  
  • ไม่รู้จักให้สัญญาณไฟ  จะเปลี่ยนช่องทาง จะเลี้ยว จะกลับรถ  ต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยวแก่รถด้านหลัง  ให้เขาได้รู้ว่าคุณจะทำอะไร ไปทางไหน  ไม่ใช่ให้เขาเดาเอาเอง  แล้วก็ต้องให้สัญญาณในระยะไม่ต่ำกว่า 50 เมตร
  • ประกันภัยไม่ทำ  พอชนก็เรียกร้องนู่น นั่น นี่   เห็นมาเยอะครับ แม้แต่ ประกัน พ.ร.บ.  ไม่กี่ร้อยบาท ก็ไม่ทำ  กฎหมายกำหนดว่ารถทุกคันที่นำมาวิ่งบนถนนต้องทำนะครับ  ไปสำรวจกันดู
  • กูถูกเสมอ คนอื่นผิดหมด ตำรวจก็ด้วย สัส   เห็นกันบ่อย ๆ นะครับ  พวกมาโพสในเฟซ  เอาคลิปมาโชว์บ้าง ใบสั่งมาโชว์บ้าง   ส่วนมากตัวเองนั่นแหละผิด  ยังจะโชว์โง่ให้คนเขามารุมถล่มอีก 




     มาช่วยกันหน่อยดีมั๊ยครับ  ตั้งสติก่อนสตาร์ท  ทิ้งนิสัยแย่ ๆ ทัศนคติแย่ ๆ บนท้องถนน  มาทำให้ถนนเมืองไทยปลอดภัยขึ้นกว่านี้  ด้วยทัศนคติที่จะทำให้คุณปลอดภัยไปถึงจุดหมายอย่างมีความสุข  ดังนี้
  • เผื่อเวลาเดินทางเพิ่มขึ้น  คือการออกเร็วขึ้น  จะได้ไม่ต้องไปเร่งรีบบนท้องถนน และต้องรู้เส้นทางที่จะไป  ถ้าไม่รู้ก็ต้องศึกษาก่อน  จะได้ขับเงอะ ๆ เงิ่น ๆ บนท้องถนน  อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
  • มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ และให้อภัย   แน่นอนว่าคุณจะต้องพบเจอนิสัยการขับรถแย่ ๆ ข้างต้นนี้แน่  แต่ถ้าคุณลอง มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ และให้อภัย  คุณจะพบมิตรภาพมากมายจากคนแปลกหน้า ที่เขาจะยิ้มให้คุณ ก้มหัวแสดงความขอบคุณ  และคุณเองก็จะยิ้มให้เขาโดยไม่รู้ตัว  มีความสุขกว่าการขับรถแบบเดิม ๆ เยอะ(ผมทำมาแล้ว)
  • ตั้งมั่นกับจุดหมาย ไปให้ถึงอย่างปลอดภัย  ต้องไม่ไปหาเรื่องใครบนท้องถนน  บีบแตรไล่เขา ยกไฟสูงใส่ ฯลฯ ถนนไม่ใช่ของคุณ  เราต้องใช้ร่วมกัน  ถ้ามีเรื่อง หรือเฉี่ยวชน ก็ต้องเสียเวลาอย่างมาก  ไปไม่ถึงจุดหมาย และเสียงานเสียการ  บางทีอาจถึงขั้นต้องกราบรถกันเลยทีเดียว 55
  • หาเพลงฟังสบาย ๆ เอาที่ฟังแล้วไม่ง่วง ร้องตามได้  แต่ก็ไม่ใช่ฟังมันส์จนกลายเป็นขับเร็วนะครับ  เพลงถือเป็นเพื่อนการเดินทางที่ดี  อาจฟังวิทยุก็ได้  เหมือนมีคนคุยไปด้วยตลอดทาง  แต่ถ้าง่วง  ต้องรีบเข้าปั๊ม หรือแวะข้างทางที่ปลอดภัยทันที  อย่าฝืนขับต่อ มันไม่คุ้มแน่ ๆ
  • เคารพกฎจราจร  คุณสอบใบขับขี่มาได้  จะบอกว่าไม่รู้กฎจราจร คงไม่ได้  ง่าย ๆ เลยคือต้องไม่ขับเร็ว ใช้สัญญาณไฟเลี้ยว  ไม่ขับจี้ท้ายคันหน้า  ไม่เมา ไม่ง่วง ฯลฯ  เข้าใจตรงกันนะ

     หวังว่าการเก็บสถิติคราวหน้า  เราคงไม่ติดอันดับกับเขานะครับ  อย่างน้อยเอาให้หลุด 10 อันดับแรกก็ยังดี  เริ่มที่ตัวเรา  ไม่ได้หวังว่าจะเห็นผลในเร็ววัน  เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่จิตสำนึก และค่านิยมของสังคม  ในเรื่องการเคารพกฎหมาย กฎจราจร เคารพสิทธิผู้อื่น  มันต้องค่อย ๆ สอน  ค่อย ๆ สะสม  ถ้าไม่เริ่มกันสักที  วันนึงคุณอาจเป็นเหยื่อจากอุบัติเหตุจราจรก็เป็นได้ครับ

ขอบคุณบทความจาก http://thaisituation.blogspot.com/2016/11/blog-post_19.html

ความคิดเห็น