ไม่หมด ไม่สิ้นเสียที กับตำรวจที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการกระทำผิด ล่าสุดนายตำรวจระดับหัวหน้าสถานีนำลูกน้องรวม 5 นาย ขนยาบ้าล้านเม็ดโดยใช้รถยนต์โล่ของทางราชการ โดยก่อนหน้านี้ก็มีเครือข่ายยาเสพติดดาบมนัส นอกจากนี้ยังมีเรื่องตำรวจเป็นโจรปล้นเงิน คือเรื่องตำรวจทางหลวงปล้นเงินพ่อค้าไม้ชาวลาว 3.5 บ้าน หรือก่อนหน้าก็ ผกก.ไทรงาม ร่วมปล้นรถขนเงิน และ และ และ อีกหลายเหตุการณ์ ที่ทำให้ชาวสีกากี เพื่อนร่วมอาชีพ ต้องเสื่อมเสีย ถูกดูหมิ่น และเกลียดชังจากประชาชน
เวลามีข่าวแบบนี้ หัวหนังสือพิมพ์บนแผงก็จะประมาณว่า ตำรวจชั่ว ตำรวจเลว สีกากีฉาว ผมแทบไม่กล้าเดินผ่านร้านหนังสือ อายแทบแทรกแผ่นดิน เหมือนกับว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในข่าวพาดหัวก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าไอ้คนที่มันทำผิด มันไม่ละอายบ้างหรือ ไม่อายต่อตัวเอง ไม่อายต่อครอบครัว ไม่อายต่อเพื่อนร่วมงาน ไม่อายต่อเครื่องแบบ ไม่อายต่ออาชีพ ไม่อายต่อประชาชน ฯลฯ
จริงอยู่ที่วงการตำรวจ แม้เงินเดือนจะไม่ได้มากมายเหมือนอาชีพอย่าง หมอ , อัยการ , รัฐวิสาหกิจ และมีค่าใช้จ่ายแฝงที่ไม่อาจปฎิเสธได้มากมาย แต่อาชีพตำรวจก็มั่นคง หากรู้จักประมาณการใช้จ่ายจริง ๆ ก็อยู่ได้(อาจไม่ก้าวหน้า แต่ก็ไม่อด)
การกระทำผิดที่ต้องการเงินจำนวนมาก ทั้งกรณีปล้นเงิน หรือ ขนยาบ้า นี้ เชื่อว่ามีสาเหตุอยู่ไม่กี่เรื่อง และคงไม่พ้นเรื่องวิ่งเต้นซื้อตำแหน่ง หรือ ไม่ก็ติดพนัน ซึ่งเรื่องวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งนี้ถือเป็นวงจรอัปรีย์ที่กัดกินสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาหลายปี มากบ้าง น้อยบ้าง แต่ก็มีข่าวให้ได้ยินมาตลอด
โชคดีที่จับกุมตัวได้ ไม่งั้นคงสร้างความเสียหายให้กับประเทศอีกมาก เอาเป็นว่าติดตามผู้ร่วมขบวนการ สาวมันออกมาให้หมด ยึดทรัพย์ให้เกลี้ยง เอาให้เป็นแบบอย่างแรง ๆ ให้กับผู้ที่คิดจะกระทำผิด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้บังคับบัญชาระดับ สตช. คงต้องตระหนักถึงพฤติการณ์ และตัวบุคคลที่ก่อเหตุ ยกระดับมาเป็นสัญญาบัตร หัวหน้าสถานีมากขึ้นนั้น มันบ่งบอกถึงเรื่องอะไร ลองวิเคราะห์กันดูบ้างครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (14 ธ.ค.) พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผบช.ภ.5 ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดภาค 5 พร้อมหัวหน้าด่านตรวจทุกพื้นที่ในเขตรับผิดชอบตำรวจภาค 5 พร้อมกำชับให้ด่านตรวจทุกด่านทำการตรวจค้นเข้ม หากมีรถของข้าราชการทุกฝ่ายไม่ว่าตำรวจ ทหาร ที่ขับผ่านด่านต้องตรวจเข้มเหมือนรถประชาชนทั่วไป
พล.ต.ท.ชำนาญ กล่าวว่าเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) เวลา 17.00 น.เจ้าหน้าที่ตรำวจชุด บช.ปส. ได้เข้าปิดล้อมบริเวณลานจอดรถโรงแรมริเวอร์วิว เพลส ถนนอู่ทอง ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ก็พบรถสายตรวจตราโล่ของ สภ.อวน จ.น่าน และรถกระบะโตโยต้าวีโก้สีดำ จอดอยู่ค้นในรถพบยาบ้า 1,000,000 เม็ดซุกซ่อนอยู่ และจึงควบคุมตัว พ.ต.ท.ธรรมนูญ นาคบัว สว.สภ.อวน เป็นหัวหน้าสถานี สภ.อวน นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 49 ร.ต.ต.จิตติพงษ์ โสไชย รองสวป. ด.ต.นลธวัช พรรษา ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม ด.ต.อรรถพล คำแสน ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม ด.ต.สักกพงษ์ เชียงหนุ้น ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม ซึ่งทั้งหมดถูกจับกุมหลังลักลอบขนยาเสพติดจำนวนดังกล่าว มาจากชาวเขาที่ดอยตุง จังหวัดเชียงราย โดยได้รับค่าจ้างในการขนยาจำนวน 2,000,000 บาท ซึ่งทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้รับว่าจ้างจากพ่อค้ายาเสพติดให้นำรถตราโล่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขนยาล็อตนี้ เพื่อนำผ่านด่านตรวจต่างๆและนำมาส่งให้ลูกค้าที่บริเวณลานจอดรถโรงแรมริเวอร์วิว แห่งนี้ แต่ทางการข่าวของตำรวจชุด บช.ปส.สืบทราบก่อนและทำการจับกุมตัวไว้ได้ เพราะตามประวัติเดิมของ ร.ต.ต.จิตติพงษ์ นั้นมีประวัติพัวพันกับกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่่ในสมัยเป็นตำรวจ ตชด. และพึ่งได้ย้ายมาสังกัดตำรวจ สภ.อวน ไม่นานมานี้ก็ชักชวนให้หัวหน้าโรงพักและลูกน้อง ร่วมกันขนยายล็อตดังกล่าว ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการขยายผลถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพราะเท่าที่ทราบยาล็อตนี้ถูกนำเข้ามาจำนวน 2,000,000 เม็ด ส่วนจะมีใครร่วมขบวนการหรือเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ต้องรอการขยายผลก่อน
รองผบช.ภ.5 กล่าวต่อไปอีกว่าตอนนี้ได้มีคำสั่งถึงผบก.ภ.จว.น่าน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 5 นายออกจากราชการทันที และตั้งคณะกรรมการสอบสวนตั้งแต่ผู้บังคับบัญชา รวมถึงตัวตำรวจทั้ง 5 คนมีการดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างร้ายแรง ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเราก็พอทราบแล้วว่ากลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดจากที่จะใช้กลุ่มชนเผ่าต่างๆขนยาเสพติดจากภาคเหนือไปสู่ภาคกลางตอนนี้ก็หันมาใช้คนมีสีขนแทน และใช้รถราชการในการขน เนื่องจากเงินในการจ้างขนมีมูลค่าสูง ตำรวจพวกนี้จึงออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งตอนนี้ได้มีคำสั่งด่วนให้ทุกด่านตรวจให้เข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมงไม่ว่าจะเป็นรถตำรวจระดับไหน ยศสูงแค่ไหน หรือรถโรงพักแต่ละแห่งที่ขับผ่านด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ประจำด่านทุกด่าน ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดไม่ให้มีการลักลอบขนยาเสพติดได้ และได้มีการกำชับให้ตำรวจทุกสถานีตรวจสอบผู้ใต้บังคับบัญชาว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องหรือพัวพันกับยาเสพติดหรือไม่ หากมีให้เฝ้าติดตามดูและดำเนินการอย่างเร่งด่วนอย่าให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เช่นนี้เกิดขึ้นอีก รองผบช.ภ.5 กล่าวในที่สุด.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น