กรณีตำรวจจราจรเตะผู้ต้องหา กับมุมมองที่หลากหลาย

ถือว่าเป็นกระแสที่โด่งดังกันพอสมควรกับกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองนครสวรรค์ เตะผู้ต้องหาเมาแล้วขับ ทั้ง ๆ ที่โดนจับใส่กุญแจมือ  โดนมีหลักฐานชัดเจนจากคลิป
     ในตอนแรกเกิดการด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวอย่างมากมาย ว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทำร้ายประชาชนได้อย่างไร  เลว ทำคนไม่มีทางสู้ ฯลฯ  เรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษสถานหนัก ต่อมาได้มีคำสั่งให้ตำรวจคนดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อน
     จนต่อมาได้ทราบรายละเอียดเบื้องหลังเหตุการณ์ว่า ผู้ต้องหานั้นเมาสุราขับขี่รถยนต์ เฉี่ยวชนคนอื่นได้รับบาดเจ็บหลายราย และไม่ยอมหยุดรถ  ตำรวจคนดังกล่าวได้เข้าไปสกัดจับและถูกเบียดได้รับบาดเจ็บด้วย  และได้มีสื่อไปสัมภาษณ์ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้เห็นเหตุการณ์ และมีคำขอโทษ สำนึกผิดจากตำรวจผู้ก่อเหตุ
     จึงเกิดอีกมุมมองหนึ่งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเสี่ยงเข้าไปสกัดจับกุม ไม่ให้คนเมาไปขับชนคนอื่นได้อีก เพราะอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตได้ และในช่วงเวลาดังกล่าวก็มีเด็กนักเรียนเลิกเรียนอยู่บนท้องถนนมากมาย ที่ทำไปเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ตำรวจก็เป็นคน มีผิดพลาดได้ ไม่น่าลงโทษกันรุนแรง ฯลฯ  โดยมีเนื้อข่าวดังนี้

      สืบเนื่องจากคดี ดาบตำรวจ ภรเดช เดชโชติ ตำรวจจราจรนครสวรรค์ ใช้เท้าเตะ นายไกรสิทธิ์ วรเชษฐ์ ผู้ต้องหาเมาสุราที่จังหวัดนครสวรรค์ เป็นเหตุให้ถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการ เนื่องจากทำเกินกว่าเหตุดังที่ปรากฏในคลิปว่อนโลกไซเบอร์ ก่อนที่พ่อของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ถูกคนเมาคนดังกล่าวขับรถชนได้รับบาดเจ็บออกมาโพสต์เฟซบุ๊กถามหาความเป็นธรรม ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น

     ความคืบหน้าวันนี้ (16 พฤศจิกายน 2557) รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ช่อง 3 รายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถาม นายทิพากร สอนกิจ บิดาของน้องน้ำฟ้า ที่ถูกคนเมาขับรถชนได้รับบาดเจ็บว่า ขณะนี้น้องน้ำฟ้ายังมีร่องรอยถลอกที่บริเวณแขนและขา ต้องไปล้างแผลที่โรงพยาบาลทุกวัน ที่ผ่านมาหลังจากน้องถูกรถชนก็ไม่เคยมีใครมาเหลียวแล มีแต่ตำรวจชุดที่จับกุมคนชนมาเยี่ยมและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับตำรวจที่ถูกสั่งย้ายก็ให้กำลังใจเช่นกัน ต่างกับคนก่อเหตุที่ได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว แต่ไม่เคยมาเยี่ยมหรือสอบถามอะไรทั้งสิ้น

             คุณพ่อบอกว่าที่โพสต์เฟซบุ๊กลงไป เพราะไม่พอใจที่ตำรวจคนดังกล่าวโดนสั่งย้าย จึงอยากบอกให้สังคมรับรู้ถึงที่มาที่ไปที่ตำรวจต้องทำเช่นนั้น เพราะหากคนเมาขับรถพ้นจากหน้าโรงเรียนที่ชนลูกสาวไป โดยไม่ถูกตำรวจจับไว้ได้ก่อน ก็อาจเกิดเรื่องใหญ่กว่านี้ เพราะข้างหน้าเป็นตลาดสดที่มีคนพลุกพล่าน ตนจึงมองว่าสิ่งที่ตำรวจทำไปนั้นไม่เกินกว่าเหตุเลย อยากให้ทบทวนการสั่งย้ายตำรวจคนนี้โดยพิจารณาข้อมูลให้รอบด้านก่อน

             ขณะที่พยานอีกคนคือ นางอนงค์นาถ นีลเซ่น ซึ่งบาดเจ็บจากเหตุการณ์เดียวกัน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์จอดรถไฟเขียวอยู่ โดยมีเด็กนั่งมาด้วย เมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้น ตนก็ออกตัวขับรถออกไป แต่กลับเห็นรถของนายไกรสิทธิ์ขับฝ่าไฟแดงออกมา และมาเฉี่ยวชนรถตัวเองจนได้รับบาดเจ็บ 3 คน ก่อนจะขับรถหนีไป ภายหลังทราบว่านายไกรสิทธิ์ถูกตำรวจจับกุมตัวไว้ได้ แต่ผู้ก่อเหตุก็ไม่มีการติดต่อมาขอโทษหรือสอบถามอาการอะไรทั้งสิ้น

             อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่า พ.ต.อ. คณากร รุ่งขจรกลิ่น ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ระบุว่า หลังจากตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว พบว่า ดาบตำรวจ ภรเดช มีความผิดจริง จึงมีคำสั่งให้ออกจากราชการแล้ว และจะมีการดำเนินคดีด้านอาญาและวินัยต่อไป

             ด้าน ดาบตำรวจ ภรเดช ได้ออกมากล่าวขอโทษที่กระทำเช่นนั้น โดยระบุว่า ในเวลานั้นผู้ต้องหาอยู่ในสภาพที่เมาสุราอย่างหนัก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จนไปสร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน และทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย 

             ทั้งนี้ ดาบตำรวจ ภรเดช ยังได้เล่าถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นว่า ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้าโรงเรียน ได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์ขับย้อนศรเฉี่ยวชนและหลบหนี จึงได้ออกติดตาม และพยายามสกัดจับ แต่ผู้ต้องหายังพยายามหลบหนี จนไปเฉี่ยวชนรถมอเตอร์ไซค์เพิ่มอีก ทำให้มีผู้บาดเจ็บเพิ่มอีก 3 ราย ก่อนจะขับรถมาเบียดตน ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บที่แขนและขาด้วย กระทั่งผู้ต้องหาเจอรถติด ไม่สามารถขับรถต่อไปได้ จึงถูกจับกุมได้ในที่สุด ทั้งนี้ตนยอมรับว่าหลังจากใส่กุญแจมือเกิดบันดาลโทสะ จึงเตะเข้าที่หน้าอกผู้ต้องหา 1 ครั้ง และขอยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น 

             อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า โทษที่ดาบตำรวจ ภรเดช ได้รับนั้นหนักไปหรือไม่ รวมทั้งผู้เสียหายก็ได้วอนให้ทบทวนบทลงโทษครั้งนี้ด้วย




     ครับ โดยส่วนตัวก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำไม่ถูกต้อง  แต่ควรจะลงโทษตามสมควร โดยต้องคำนึงถึงคุณความดีที่ได้เสี่ยงชีวิตเข้าไปสกัดจับผู้ต้องหานี้มาประกอบด้วย  ไม่น่าถึงกับไล่ออกครับ  เพราะถ้าเลือกได้ ผมอยากได้ตำรวจที่มีจิตวิญญาณแบบนี้มาอยู่บนท้องถนน  ส่วนเรื่องอารมณ์ชั่ววูบก็ต้องปรับปรุงกัน  อย่าให้มีอีกครับ

บทความจาก http://nakhonsawanpost.blogspot.com/

ปล. มีข้อความแสดงความเห็นอกเห็นใจ ตร. ที่ถูกออกจากราชการมากมาย  และตำหนิคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ให้ออกจากราชการไว้ก่อน  ส่งกันมากมายในไลน์กลุ่มต่าง ๆ รวมทั้งเป็นประเด็นในเฟสบุ๊ค เว็บบอร์ดมากมายครับ นี่เป็นส่วนหนึ่ง

   เป็นไปได้ ตำรวจไทย ไม่น่าเชื่อ#
เสียเลือดเนื้อ บ้างล้มตาย นายไม่สน#
ทำดีเหรอ ทำให้ตาย นายให้ทน#
ดีคือผล ส่งให้นาย ไปได้ดี#
   ผลงานดี ดีฉิบหาย นายได้หน้า#
พลาดขึ้นมา จ้องจะฆ่า น่าฉงน#
เตือนพี่น้อง ตำรวจไทย เราทุกคน#
อย่าทุ่มเท เสียจน ตนต้องตาย#
   ทุ่มงานมาก ทำแทบตาย นายได้หน้า#
พลาดขึ้นมา เอาเราตาย ไม่รู้เห็น#
เคยบ้างไหม ช่วยปกป้อง ยามลำเค็ญ#
ที่เคยเห็น ออกไว้ก่อน น่าอ่อนใจ#
   ความดีที่ ทำมา ก่อนหน้านี้#
มันไม่มี คุณค่า มาให้เห็น#
เร่งคำสั่ง ให้ออก บอกรีบเซ็นต์#
ไม่เคยเห็น นายไหนช่วย ทีส่วยเอา#
   ปกป้องบ้าง สักนิด จะได้ไหม#
ลูกน้องมัน จะบ้าตาย แล้วนายเอ๋ย#
ผิดก็รู้ เตะหนึ่งที ไล่ออกเลย#
เจ้านายเอ๋ย ลงทัณฑ์ ฉันแรงเกิน.......

*************************

ด้วยศักดิ์ศรี ตำรวจ แสนปวดร้าว
ยามที่เขา แชร์ความทุกข์ สนุกสนาน
โลกออนไลน์ กระหน่ำซ้ำ ย้ำประจาน
จากผลงาน เตะคนเมา เข้าก้านคอ
   คนขับขี่ เมาขับ เราจับได้
   สังคมไม่ ถามถึง อึ้งจริงหนอ
   คนเตะหลับ คนขับเมา เอาให้พอ
   สุดท้ายก็ หนีไม่พ้น คนทำงาน
ดาบ"ภรเดช" คือเหยื่อ ที่เหลืออยู่
แสนหดหู่ อนาคต หมดหลักฐาน
ต้องโดนออก ผลักไส ไล่ออกงาน
วอนนายท่าน อำนวย ช่วยเป็นธรรม
   เป็นกำลัง แรงใจ ให้ลูกน้อง
   ช่วยปกป้อง เรื่องนี้ใหญ่ ใช่เรื่องขำ
    เห็นแก่เมีย ลูกคอยท่า ตาดำดำ
    ต้องรับกรรม  ผลครั้งนี้ ที่ทรมาน
ลุกขึ้นมา ปลุกศักดิ์ศรี พี่น้องตำรวจ
อย่าให้ปวด เหมือนจมปรัก หลักประหาร
ลืมแล้วหรือ ค่านิยม อุดมการณ์
ปณิธาน คอยตอกย้ำ "ตำรวจไทย"
   มอบให้.ด.ต.วรเดช..คนทำงาน..ครับ.

ความคิดเห็น