ทุกวันนี้การใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก เรียกว่าในปัจจุบันเราออนไลน์กันตลอด 24 ชั่วโมง ใช้เวลาในโลกโซเชี่ยลวันนึงหลายชั่วโมง การส่งข่าวสารทางโซเชี่ยลแพร่ไปไวยิ่งกว่าสื่อใด ๆ ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
วงการตำรวจในปัจจุบันก็มีการใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน เช่น การประชาสัมพันธ์ทางเฟซบุ๊ค เว็บไซต์ ไลน์ หรือการ รายงานผลการปฏิบัติงานผ่าน ไลน์ เป็นต้น ดังนั้น ความคิดเห็นของตำรวจในระดับต่าง ๆ จึงส่งถึงกันได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว
กระแสความคิดเห็นของเหล่าตำรวจชั้นผู้น้อย ต่อนโยบาย คำสั่ง หรือตัวผู้บังคับบัญชาเอง สามารถสะท้อนถึงผู้บังคับบัญชาหรือสังคมได้อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ยุคนี้เสียงของตำรวจชั้นผู้น้อย ไม่ใช่เสียงที่ไร้ความหมาย หรือไม่มีใครได้ยิน อีกต่อไป
ยกตัวอย่างกรณีคลาสสิกที่เกิดขึ้น คือ กรณี การงุบงิบรับสมัคร ตั๊น จิตรภัสร์ เข้ามาเป็นรองสารวัตร 191 เมื่อมีการเผยแพร่เอกสารการรับสมัครทางโซเชี่ยล เกิดกระแสต่อต้านจากพี่น้องข้าราชการตำรวจในระดับกระหึ่ม สั่นสะเทือน จนผู้มีอำนาจต้องถอย
อีกกรณีหนึ่งคือ การที่ รรท.ผบช.น. ลงบันทึกตรวจเยี่ยมห้ามนายร้อย 53 ตั้งด่าน ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง เพราะนายร้อย 53 มีอยู่ทุกสถานีตำรวจ จะดีชั่วไม่ใช่มาเหมารวม นี่ก็เป็นประเด็นระดับที่ทำให้สื่อทีวีต้องเกาะติดเหมือนกัน
ต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาไม่ว่าจะระดับไหน จะออกนโยบาย หรือแนวปฏิบัติงี่เง่า ปัญญาอ่อน คงไม่ได้ง่าย ๆ อีกแล้ว เพราะจะถูกตรวจสอบจากผู้ปฏิบัติ ส่วนผู้ปฏิบัติก็จะถูกตรวจสอบจากประชาชน และผู้บังคับบัญชาอยู่แล้ว จึงนับว่าเป็นการถ่วงดุลได้ในระดับหนึ่ง
ขอบคุณภาพจาก http://thumbsup.in.th/2014/09/youtube-converts-more-customers-than-anyone-else/
วงการตำรวจในปัจจุบันก็มีการใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน เช่น การประชาสัมพันธ์ทางเฟซบุ๊ค เว็บไซต์ ไลน์ หรือการ รายงานผลการปฏิบัติงานผ่าน ไลน์ เป็นต้น ดังนั้น ความคิดเห็นของตำรวจในระดับต่าง ๆ จึงส่งถึงกันได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว
กระแสความคิดเห็นของเหล่าตำรวจชั้นผู้น้อย ต่อนโยบาย คำสั่ง หรือตัวผู้บังคับบัญชาเอง สามารถสะท้อนถึงผู้บังคับบัญชาหรือสังคมได้อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ยุคนี้เสียงของตำรวจชั้นผู้น้อย ไม่ใช่เสียงที่ไร้ความหมาย หรือไม่มีใครได้ยิน อีกต่อไป
ยกตัวอย่างกรณีคลาสสิกที่เกิดขึ้น คือ กรณี การงุบงิบรับสมัคร ตั๊น จิตรภัสร์ เข้ามาเป็นรองสารวัตร 191 เมื่อมีการเผยแพร่เอกสารการรับสมัครทางโซเชี่ยล เกิดกระแสต่อต้านจากพี่น้องข้าราชการตำรวจในระดับกระหึ่ม สั่นสะเทือน จนผู้มีอำนาจต้องถอย
อีกกรณีหนึ่งคือ การที่ รรท.ผบช.น. ลงบันทึกตรวจเยี่ยมห้ามนายร้อย 53 ตั้งด่าน ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง เพราะนายร้อย 53 มีอยู่ทุกสถานีตำรวจ จะดีชั่วไม่ใช่มาเหมารวม นี่ก็เป็นประเด็นระดับที่ทำให้สื่อทีวีต้องเกาะติดเหมือนกัน
ต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาไม่ว่าจะระดับไหน จะออกนโยบาย หรือแนวปฏิบัติงี่เง่า ปัญญาอ่อน คงไม่ได้ง่าย ๆ อีกแล้ว เพราะจะถูกตรวจสอบจากผู้ปฏิบัติ ส่วนผู้ปฏิบัติก็จะถูกตรวจสอบจากประชาชน และผู้บังคับบัญชาอยู่แล้ว จึงนับว่าเป็นการถ่วงดุลได้ในระดับหนึ่ง
ขอบคุณภาพจาก http://thumbsup.in.th/2014/09/youtube-converts-more-customers-than-anyone-else/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น