เปลี่ยนยาบ้า เป็นยาปกติ คิดไปได้ ?!

งามไส้จริง ๆ กับแนวทางการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลชุดนี้  นอกจากคำสั่ง คสช. ที่ 108/58 ที่คนเสพ และครอบครองเล็กน้อย ไม่ต้องถูกดำเนินคดี  ให้เอาไปบำบัด แถมยังหนีบำบัดได้แบบไม่ผิดอีก   ซึ่งเชื่อว่าสร้างผู้ค้ารายย่อย ผู้เสพหน้าใหม่ ได้ง่าย ๆ  ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จับดำเนินคดีได้ยากขึ้นอีก  ดูเผิน ๆ เหมือนว่าคดียาเสพติดลดลงไปกว่าครึ่ง  แต่แท้จริงแล้วคือการที่ไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ครอบครองเล็กน้อย และผู้เสพ ได้นั่นเอง  

     ล่าสุดมีแนวคิดจาก พล.อ.ไพบูลย์  คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ที่ออกมายอมรับว่า โลกจำนนให้ยาเสพติด และมีแนวคิดจะเปลี่ยนยาบ้า ซึ่งเป็นยาเสพติดรุนแรง ให้เป็นยาปกติ  โดยมีเนื้อข่าวจาก เดลินิวส์ ออนไลน์ ดังนี้

     พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวถึงวิวัฒนาการแก้ไขยาเสพติดเมื่อ 28 ปีที่ผ่านมาว่า มีแนวคิดทำให้โลกปราศจากยาเสพติดด้วยการประกาศสงคราม แต่เมื่อทำงานร่วมกับยาเสพติดมายาวนานจนถึงปัจจุบัน โลกยอมจำนนให้ยาเสพติด และกลับมาคิดว่าจะอยู่ร่วมกับยาเสพติดได้อย่างไร เปรียบเทียบได้กับคนเป็นมะเร็งที่ไม่มียารักษา ต้องใช้ชีวิตอยู่กับมะเร็งต่อไปให้ได้อย่างมีความสุข ขณะนี้ทิศทางเกี่ยวกับยาเสพติดกำลังเปลี่ยนไป หลายประเทศพูดถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติดในเรื่องสิทธิเสรีภาพ และการดูแลสุขภาพอนามัยของผู้เสพ ทิศทางของการใช้ยาเสพติดเพื่อรักษาอาการป่วย แต่ยูเอ็นยังไม่กล้าเขียนและไม่กล้ายอมรับ ทั้งที่มีผลงานวิจัยยืนยันและมีทิศทางของการยอมรับมากกว่า 70% แล้ว

     โดยในที่ประชุม UNGASS ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เรียกร้องให้คำนึงถึงการลงโทษที่ได้สัดส่วน เช่น อันตรายของสารกระตุ้นในกลุ่มแอมเฟตามีน ที่มีต่อตนเองและผู้อื่นในสังคม บทบาทของผู้กระทำผิด มาตรการอื่นแทนการลงโทษจำคุก หลายประเทศนำแนวคิดของประเทศไทยไปใช้ แต่ในไทยทำไม่ได้เพราะติดขัดที่กฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ถ้าไม่แก้กฎหมายก็เดินต่อไปไม่ได้ ตนจึงผลักดันให้ยกร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดเป็นการปฏิรูปกฎหมายยาเสพติดทั้งระบบ

     ขณะนี้กฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนคณะกรรมการกฤษฎีกา กฎหมายใหม่จะเปิดช่องให้ศาลมีโอกาสใช้ดุลยพินิจในการลงโทษจำคุก หรือการปรับที่น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น เมื่อมีเหตุอันสมควรเฉพาะราย โดยพิเคราะห์ถึงความร้ายแรงของการกระทำความผิด ฐานะของผู้กระทำความผิด และพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้อง การแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องดำเนินการให้ครบทั้ง 3 ด้าน คือ ปราบปราม ป้องกัน และบำบัด แต่ที่ผ่านมาการบำบัดทำไม่ได้ ติดขัดที่กฎหมาย ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่จะเปลี่ยนเมทแอมเฟตามีนจากยาเสพติดรุนแรงเป็นยาปกติ เพราะในทางการแพทย์ เมทแอมเฟตามีน มีผลทำลายสุขภาพและสมองน้อยกว่าบุหรี่และสุรา แต่สังคมกลับยอมรับบุหรี่และสุรา หลังจากนี้จะหารือกับกระทรวงสาธารณสุข ศาล อัยการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อหาแนวทางที่เป็นไปได้ในการยกเลิกเมทแอมเฟตามีนจากบัญชียาเสพติด




     สำหรับยาบ้า ชัดเจนนะครับว่า มันให้โทษกับสังคมอย่างไร  มีผู้คนบริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตให้กับผู้เสพยาบ้าจนเพ้อคลั่งไปจำนวนมาก  ลองเข้ากูเกิ้ล ค้นคำว่า "เมายาบ้า" ก็จะเห็นรูปมากมาย   คนเป็นทหารมาทั้งชีวิต  มาเป็น รมต.ยุติธรรม  ไม่รู้ว่าเอาความเชี่ยวชาญอะไร หรือใครให้คำปรึกษา  จะทำตัวให้เป็นขวัญใจของประชาชนผู้เกลียดยาเสพติด  หรือจะเป็นรัฐมนตรีขวัญใจพ่อค้ายา  เลือกเอา


     พี่น้องตำรวจที่ต่อสู้กับยาเสพติดมาทั้งชีวิตราชการ  กับนายพลเอก  ใครมันมีประสบการณ์ปราบปรามยาเสพติดมากกว่ากัน  อยากเห็นหน้ากุนซือจริง ๆ  การที่ปราบปรามไม่หมด ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะยอมแพ้  งั้นวันหนึ่ง ฝิ่น หรือ เฮโรอีน ก็คงสามารถหาเสพกันได้อย่างถูกกฎหมาย ในข้ออ้างเดียวกัน  แล้วที่อ้างว่าทางการแพทย์ เมทแอมเฟตามีน มีผลทำลายสุขภาพและสมองน้อยกว่าบุหรี่และสุรา นั้น  ขอหลักฐานหน่อยว่าเสพในปริมาณเท่ากัน ในระยะเวลาเท่ากัน หรือไม่ อย่างไร  อย่าอ้างลอย ๆ มั่ว ๆ   มีใครเคยเห็นคนสูบบุหรี่เอามีดจ่อคอเด็กมั๊ยล่ะ

     ยาบ้าไม่ได้ผลิตได้ในประเทศนะครับ  แต่มันถูกส่งลอดรั้วของชาติเข้ามาทำลายคนในชาติ  อันนี้คงต้องถามกันหน่อยว่า  คนที่ยืนอยู่ริมรั้วทำไมปล่อยให้เล็ดลอดเข้ามาได้  หรือว่าทิ้งรั้วมาอยู่ในเมืองกันหมด  ไม่เดินป่า มาอยู่ตึก   ปล่อยเฝ้ารั้วไม่กี่คน(แบบอด ๆ อยาก ๆ)

     ที่ปราบปรามไม่สำเร็จ แล้วการฟื้นฟู หรือสมัครใจบำบัด นี่มันสำเร็จรึเปล่า  เคยเอาสถิติมาดูบ้างมั๊ยว่าพวกที่ผ่านฟื้นฟู กลับมาเสพ มาค้า อีกเท่าไหร่ , ตำรวจไปฝากขังผู้ค้าซ้ำซาก แล้วได้ประกันตัวจากศาล ออกมาขายยาต่อ เอาเงินสู้คดี , ตร.ชุดจับกุม มีเครื่องไม้เครื่องมือเพียงพอมั๊ย ทันสมัยมั๊ย , กฎหมายเป็นอุปสรรคในการปราบปรามมั๊ย  ตรงนี้ไม่มาดู  ละลายงบประมาณไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องมานานแล้ว  ตำรวจทำงานปราบปรามยาเสพติด  แต่ปกครองได้ขั้น  อย่างนี้คนทำงานเขาหมดใจไปเรื่อย ๆ อีกหน่อยใครมันจะทำงาน  เสี่ยงก็เสี่ยง  หนีไปทำงานอื่นดีกว่า  เงินเดือนก็ได้เหมือนกัน ว่ามะ

     อ้อ .. ตอนเรียนเคยมีคนตะโกนใส่ท่านบ้างมั๊ยครับ ที่ว่า "ทำไม่ได้ก็ลาออกไป" น่ะ

ความคิดเห็น