พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบก.จร. ได้ร่วมกันแถลงข่าว “จ่าเฉยอัจฉริยะตรวจจับผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยอัตโนมัติ” ทั้งระบบการตรวจสอบ ถ่ายภาพจากหลายกล้องและประมวลผลก่อนออกใบสั่ง นำร่องที่แยกแรกโบสถ์แม่พระ หวังลดต้นเหตุความรุนแรงจากอุบัติเหตุโครงการด้านการจราจร และ ได้เตรียมกระจายหลายจุดเต็มรูปแบบในเดือน เม.ย.นี้.
โดยเป็นความร่วมมือ ระหว่างกองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.)กับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในการพัฒนาโครงการระบบจ่าเฉยอัจฉริยะ “ระบบตรวจจับผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยอัตโนมัติ” มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจราจร ลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่รถจักยานยนต์ และประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน
โดยการทำงานของระบบตรวจจับผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยอัตโนมัตินั้น จะมีการทำงานอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และผู้ซ้อนท้ายที่ไม่สวมหมวกนิรภัยขับขี่ผ่านกล้องวงจรปิด ระบบจะตรวจจับพร้อมส่งข้อมูลเชื่อมต่อกับระบบออกใบสั่งของกองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งกองบังคับการตำรวจจราจรและคณะวิจัยได้ทำการทดสอบใช้งานระบบเป็นโครงการนำร่อง จำนวน 1 จุด ที่บริเวณแยกโบสถ์แม่พระทิศทาว จากถนนจตุรทิศมุ่งหน้าถนนประชาสงเคราะห์ พบว่า ใน 1 ชั่วโมง มีรถจักยานยนต์ขับผ่านโดยเฉลี่ย 116 คัน มีผู้ขับขี่ไม่สวมหมวกนิรภัย จำนวน 29 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ของระบบตรวจจับอัตโนมัติความแม่นยำของระบบอยู่ที่ 84 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นวัตกรรมที่จะนำมาใช้บังคับใช้กฏหมายต่อไป
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก http://www.5forcenews.com/?p=38219
โดยโครงการ “ระบบตรวจจับผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยอัตโนมัติ” หรือ "จ่าเฉยอัจฉริยะ" นั้น ได้ทำการทดสอบมากว่า 6 เดือนแล้ว ระบบมีความสามารถในการแยกได้ว่า ใครสวมหรือไม่สวมหมวกนิรภัย รวมทั้งหมวกนิรภัยแต่ละแบบที่แตกต่างกัน ระบบจะบันทึกป้ายทะเบียนรถคันที่ไม่สวมหมวก และตรวจสอบทันทีว่าใครเป็นเจ้าของรถ หรือผู้ครอบครอง ซึ่งทำให้ บก.จร. สามารถออกใบสั่งอัตโนมัติ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนส่งไปยังที่อยู่ของผู้กระทำผิด ที่ผ่านมาระบบยังไม่มีข้อผิดพลาดใดเกิดขึ้น และจะได้ขยายเพิ่มจุดในช่วง เมษายน ปีนี้
ปัญหาคือหลังจากส่งใบสั่งอัตโนมัติไปแล้ว จะมีผลบังคับใช้อย่างจริงจังหรือไม่ ถ้าไม่มาเสียค่าปรับ จะอายัดการต่อทะเบียนได้หรือไม่ หรือมีการดำเนินการใด ๆ ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายได้ เห็นว่าทาง ตร. เคยเสนอไปยัง คสช. ให้ทางกรมการขนส่งทางบก ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ทราบว่าดำเนินการประสานกันถึงไหนแล้ว เพราะถ้าไม่ทำ ใบสั่งอัจฉริยะก็ไม่มีประโยชน์ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น