การเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนในประเทศไทยนั้นปัจจัยหลักคือเรื่อง "ความเร็ว" ดังนั้นในการประชุมการลดอุบัติเหตุระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ จึงมีคอมเมนท์ในเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันวินัยจราจรให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความเร็ว ทางตำรวจจึงมีการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วในถนนสายหลักหลายจุด เรียกได้ว่าออกจากกรุงเทพไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหน รับรองไม่รอด จะมีใบสั่งความเร็วตามไปที่บ้านแน่นอน
ถนนทุกสายในประเทศไทยนั้นจำกัดความเร็วไว้ที่ 90 กม./ชม. สำหรับรถยนต์เก๋ง รถกระบะ ถ้าในเขตเทศบาลก็ต้องลดลงมาอีกไม่เกิน 50 - 60 กม./ชม. (เฉพาะมอเตอร์เวย์ ที่ให้ใช้ความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม) และความเร็วดังกล่าวนี้ก็ถือเป็นสากลที่ใช้กันทั่วไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
แต่การตรวจจับความเร็วนั้น ควรจะตั้งค่าไว้ที่ความเร็วเท่าไหร่ อันนี้ ควรเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน เพราะความเร็วที่ 90 กม./ชม. นั้นก็ดูจะเป็นความเร็วที่ช้าเกินไปสำหรับปัจจุบัน
หลาย ๆ พื้นที่ในประเทศไทย จึงตั้งค่าความเร็วไว้ที่ 110 กม./ชม. กล่าวคือ ถ้าท่านขับรถเร็วตั้งแต่ 111 กม./ชม. ขึ้นไป ท่านก็อาจถูกถ่ายรูป และส่งใบสั่งความเร็วไปที่บ้านได้ แต่เกณฑ์ 110 กม./ชม. นั้น ก็ยังไม่ใช่มาตรฐานที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด เพราะยังไม่เคยกำหนด ซึ่งถ้าจะให้ดีทาง ตร. ก็ควรกำหนดและแจ้งให้ผู้ปฏิบัติทราบเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
สิ่งใดที่ทำแล้วเป็นมาตรฐานทั่วประเทศ ประชาชนก็จะค่อย ๆ ซึมซับ และปรับตัว จนสามารถกระทำเป็นความเคยชิน เป็นนิสัยได้ หวังว่าทาง ตร. จะกำหนดออกมาก่อนสงกรานต์นี้นะครับ
ถนนทุกสายในประเทศไทยนั้นจำกัดความเร็วไว้ที่ 90 กม./ชม. สำหรับรถยนต์เก๋ง รถกระบะ ถ้าในเขตเทศบาลก็ต้องลดลงมาอีกไม่เกิน 50 - 60 กม./ชม. (เฉพาะมอเตอร์เวย์ ที่ให้ใช้ความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม) และความเร็วดังกล่าวนี้ก็ถือเป็นสากลที่ใช้กันทั่วไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
แต่การตรวจจับความเร็วนั้น ควรจะตั้งค่าไว้ที่ความเร็วเท่าไหร่ อันนี้ ควรเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน เพราะความเร็วที่ 90 กม./ชม. นั้นก็ดูจะเป็นความเร็วที่ช้าเกินไปสำหรับปัจจุบัน
หลาย ๆ พื้นที่ในประเทศไทย จึงตั้งค่าความเร็วไว้ที่ 110 กม./ชม. กล่าวคือ ถ้าท่านขับรถเร็วตั้งแต่ 111 กม./ชม. ขึ้นไป ท่านก็อาจถูกถ่ายรูป และส่งใบสั่งความเร็วไปที่บ้านได้ แต่เกณฑ์ 110 กม./ชม. นั้น ก็ยังไม่ใช่มาตรฐานที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด เพราะยังไม่เคยกำหนด ซึ่งถ้าจะให้ดีทาง ตร. ก็ควรกำหนดและแจ้งให้ผู้ปฏิบัติทราบเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
สิ่งใดที่ทำแล้วเป็นมาตรฐานทั่วประเทศ ประชาชนก็จะค่อย ๆ ซึมซับ และปรับตัว จนสามารถกระทำเป็นความเคยชิน เป็นนิสัยได้ หวังว่าทาง ตร. จะกำหนดออกมาก่อนสงกรานต์นี้นะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น