ย้ายข้ามภาคโดยไม่ได้ร้องขอ ... พอทีได้ไหม ?


เป็นปัญหาในทุก ๆ ปีของการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี ตั้งแต่ รองสารวัตร - รอง ผบก.  ที่จะต้องมีการ "ถีบ" ออกนอกหน่วย  เบาหน่อยก็อยู่ในจังหวัด หนักหน่อยก็ย้ายข้ามจังหวัด  สาหัสที่สุดคือย้ายข้ามกองบัญชาการ   อันเนื่องมาจาก ณ จุด ๆ เดิมที่อยู่นั้น มี "ตั๋ว" มาลงเสียแล้ว  คณะผู้จัดทำคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ก็ต้องเอาตั๋วลงยังที่หมายก่อน  คนเดิมก็อยู่ในสภาวะลอย

     เมื่อวางตั๋วทุกใบเรียบร้อย  คณะผู้จัดทำก็จะวางคนที่ลอยลงหลุมต่าง ๆ ที่ยังเหลืออยู่  โดยแทบไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสมใด ๆ  เพราะงานหลักคือวางตั๋วให้ครบได้ทำเสร็จสิ้นไปแล้ว  ไอ้พวกที่ลอย คือพวกที่ไม่มีตั๋ว ไม่มีนาย และไม่ได้วิ่งเต้น   ดังนั้นจะยัดลงตรงไหนก็ยัด ๆ ไปให้มันครบ  แล้วก็ออกเป็นคำสั่ง  จบ

     ก่อนหน้านี้ ได้มีการสำรวจภูมิลำเนา ข้าราชการตำรวจทุกนาย  โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี  กรณีขอกลับภูมิลำเนา หรือ จะไม่ย้ายไปไกลภูมิลำเนา  แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่  ไม่ได้มีการนำภูมิลำเนามาประกอบการแต่งตั้งโยกย้ายแต่อย่างใด  แล้วมึงจะสำรวจภูมิลำเนาไปทำหอกอะไร !! (จริง ๆ ข้อมูลแม่งก็อยู่ใน ก.พ.7 อยู่แล้ว แต่เป็นเอกสาร  ไม่ได้อยู่ในรูปข้อมูลดิจิตอล)

     การย้ายที่ทำให้ห่างไกลภูมิลำเนา ครอบครัว  มันทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย อาทิ

  • การดูแลครอบครัว  จากปกติที่ได้ดูแลกันในช่วงเย็น ถึงเช้าแล้วไปทำงาน ทั้ง บุพการี คู่สมรส บุตร  กลายเป็นว่าขาดคนสำคัญของครอบครัวไป  ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน  คิดดูสิครับว่าจะเดือดร้อนแค่ไหน  แล้วถ้าคนที่ไม่มีบ้าน ต้องอยู่ในแฟลตตำรวจ  เมื่อย้ายก็ต้องออกจากแฟลต  ปัญหาที่เรียนลูกอีก  จะย้ายตามก็ไม่ง่าย  ฯลฯ 
  • การเดินทาง  ที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เผาผลาญพลังงาน ใช้เวลาในการเดินทางมากขึ้น ฯลฯ  เป็นผลเสียต่อสถานะทางการเงินของครอบครัว  และต้องนำเข้าน้ำมัน  ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม  แทนที่จะเอาเงินส่วนนี้ไปออม หรือใช้จ่ายอื่น ๆ ตามความจำเป็น
  • ประสิทธิภาพในการทำงาน  เมื่อถูกย้ายแบบนี้  คนทำงานย่อมหมดใจในการทำงาน ไม่มีขวัญกำลังใจ   คงไม่สามารถทำได้ให้ดีได้เหมือนเดิม   ทำงานไปวัน ๆ ช่างแม่ง  เพราะติดล็อค 2 ปี ย้ายกลับปีหน้าก็ไม่ได้  มึงจะย้ายก็ไปไหนก็ไม่ได้  สุดท้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประชาชนจะได้รับความเสียหายไปด้วย  เพราะใครล่ะ ... คิดสิคิด




     ยิ่งแต่งตั้ง ยิ่งสร้างปัญหา  สมควรต้องออกกฎให้ชัดเจนในการแต่งตั้งโยกย้าย  ไม่ใช่เอาตาม "ความเหมาะสม"  หรือ ความถูกใจ ของผู้มีอำนาจเท่านั้น  ต้องไม่สามารถย้ายห่างจากภูมิลำเนาเกินกว่า 100 กม.  หรือย้ายข้ามจังหวัด ข้ามภาคโดยไม่ได้ร้องขอ  แม้ในกรณีมีความผิด ก็ต้องย้ายแก้ปัญหาภายในจังหวัดหรือไม่เกิน 100 กม. จากภูมิลำเนา เท่านั้น  หากผิดจากนี้ สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำคำสั่งได้ตั้งแต่คนลงนาม จนถึงระดับเจ้าหน้าที่กำลังพลที่อยู่ในคณะทำงาน   และต้องเยียวยาย้ายกลับโดยเร็ว(ถ้าช้า ค่าเสียหาย ก็ต้องเพิ่มขึ้นตามค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน)

     กฎนี้ให้ยกเว้นสำหรับระดับ ผบก. ขึ้นไป  เพราะอยากเป็นนายพล ก็ต้องทำใจ  แต่ถ้าได้เป็นนายพล ก็ไม่มีข้อเดือดร้อนข้างต้นอยู่แล้ว   แต่จะมี ผู้มีอำนาจคนไหน กล้าทุบหม้อข้าวตัวเอง ทำลายวงจรจัญไร นี้ได้   มองไปยังตำแหน่งพลตำรวจเอก ที่มีอยู่ตอนนี้แล้วหมดหวังจริง ๆ (กฎ ก.ตร. ยังยกเว้นได้ตลอด)

     ตอนเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย มีอุดมการณ์ มีความเข้าใจตำรวจชั้นผู้น้อยด้วยกัน  พอเป็นใหญ่แล้วก็ไม่เหมือนเดิม   อำนาจมันทำให้คนเปลี่ยนได้จริง ๆ

ความคิดเห็น

  1. แค่คิดว่าต่อไปต้อง...ก็รู้แล้วว่าชีวิตผมคงลำบากแน่ จาก รอง สว.กก.สส.ฯ ไปอีกจังหวัดหหนึ่ง แถมด้วยเปลี่ยนเป็น รอง สว.ธร.ฯ ประสบการณ์งานสืบสวนตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ การอบรมเพิ่มเติมความรู้ทั้งทางเทคนิคหรือทางกฎหมายที่เน้นเพื่อใช้ในงานสืบสวน ทั้งจากงบประมาณส่วนตัว ทั้งจากงบประมาณของหลวง จะใช้ทำอะไรต่อไป ในภาวะที่สภาพจิตใจท้อถอย หมดกำลังใจ ณ เวลานี้
    ให้ผมไปเป็น รอง สวป.ฯ โรงพักเล็ก ๆ ในจังหวัด หรือถ้าในจังหวัดไม่มี ก็ขอจังหวัดใกล้เคียงก็ยังพอทน ยอมปฏิบัติหน้าที่รอ เพื่อขอย้ายกลับในคราวถัดไปได้อยู่ครับ แต่ตอนนี้ รันทดกับชะตาชีวิตตัวเองจริง ๆ "ผมแย่กว่าคนอื่น ๆ มากขนาดนี้เลยหรือครับ"

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ผมถูกคำสั่งย้ายข้ามห้วยจาก บก.สส.ภ.6 ไป บช.ตชด.ครับ เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? อดทนอดกลั้นนะครับ ในเมื่อเรายังมีคนที่มีความหวังกับเราอีกหลายคน เช่น พ่อ แม่ ลูก เมีย ท้อได้ แต่อย่าถอยครับ สำเนาคำสั่งเข้าถวายฏีกาพร้อมกันครับ ต้องรอให้ครบปีก่อน

      ลบ
    2. ขอบคุณครับ บวรวิช ศรีปา ผมกำลังร่างหนังสือร้องทุกข์ จะส่งก่อนวันที่ ๓๐ พ.ค.นี้ ตัดสินใจแล้วว่าต้องทำ มีแต่คนคัดค้าน กลัวว่านายจะหมายหัว ไม่ใช่ผมไม่กลัว แต่ถ้าไม่ทำ ก็ไม่รู้ว่าจะบอกตัวเองยังไง ผมทำงานของผมอยู่ดีดี และขยันด้วยหามรุ่งหามคำ ต้องควักเงินตัวเองด้วยช้ำ แล้วจู่จู่ก็ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายจากการไปอยู่คนเดียวอีกจังหวัดหนึ่ง ในขณะเดียวกันเงินเดือนกลับถูกตัดออก ทั้งที่เราไม่ได้ทำผิดเลย
      ทำไมเวลาเขาเอาชื่อเราออกไปใส่ไว้ตรงไหนสักที่หนึ่ง แค่ไม่ถึงนาที ก็เรียบร้อย แต่เวลาเราขอให้เขาแก้ไชให้มันถูกต้อง กลับต้องใช้เวลานาน และเขาจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้างมั้ยกับสิ่งที่ทำลงไปนั้น
      ในขณะที่เรา รวมถึงเมีย ลูก และคนรอบข้างเรา กลับต้องทุกข์ ต้องเครียด ตามเราไปด้วย แล้ว สตช.จะทำอย่างไร กับปัญหาแบบนี้

      ลบ
  2. เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ เรื่องแย่ ๆ แบบนี้มันควรจบลงเสียที

    ตอบลบ
  3. สุดท้ายก็จบ
    เมื่อ นายกฯ ใช้ ม.44

    ตอบลบ
  4. สุดท้ายก็จบ
    เมื่อ นายกฯ ใช้ ม.44

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น