ตำรวจเปิด Clubhouse ทุกโรงพัก ... เพื่อ ?!!?

ไอเดียบรรเจิด+กระฉูด อีกแล้ว  สำหรับบรรดาผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   อยากจะทันสมัย เป็นโปลิศฉี่จุดฉูนย์  ออกโครงการเพ้อฝัน ค่อยไปทางเพ้อเจ้อ  อย่าง Cyber Village  มาให้พี่น้องตำรวจทั่วประเทศปวดหัวกันอีกแล้ว   ที่สำคัญไม่ใช่แค่ตำรวจนะครับที่เดือดร้อน  ประชาชนในพื้นที่ก็ต้องมาวุ่นวายกับโครงการของตำรวจอีกหนึ่งโครงการอีกแล้ว  

     และนี่คือส่วนหนึ่งที่ทางหัวหน้าสถานีไกลปืนเที่ยงสะท้อนมา กับนโยบาย Cyber Village ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ขออนุญาตเอารายละเอียดสถานีออกนะครับ เพื่อความปลอดภัย)

**********

      เรียนผู้บังคับบัญชา  สภ.เมืองแมน(นามสมมุติ) .. ขอรายงานปัญหาอุปสรรค  ในการดำเนินการตามโครงการ RTPCybervillage โดยใช้คลับเฮาส์ ดังนี้

  1. สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นป่าเขา  ประชาชนในเขตพื้นที่ไม่มีอุปกรณ์มือถือใช้
  2. ประชากรในเขตพื้นที่มีแต่กลุ่มเด็ก คนชรา ไม่สนใจเทคโนโลยี
  3. ความคาดหวังในตำรวจคือ ให้ตำรวจทำงานของตนในการป้องกันและปราบปราม จับกุมคดียาเสพติดให้ลดลง
  4. ประชาชนไม่สนใจโครงการแบบนี้  เพราะต้องดิ้นรนทำมาหากิน เลี้ยงชีพ  แต่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการป้องกันชุมชนจากอาชญากรรม
  5. โครงการนี้เพิ่มความห่างเหินระหว่างตำรวจกับประชาชนในเขตพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร  ประชาชนมองตำรวจว่านำอะไรมาให้  นำปัญหามาสู่ชุมชนและมองตำรวจในภาพลบว่าทำตนฟุ่มเฟือยไม่พอเพียง  ไฮโซ  ซึ่งสวนทางกับการใกล้ชิดกับประชาชนแบบเป็นกันเอง
  6. เรื่องการเชื่อมต่อมือถือเน็ตไม่เสถียร และเพิ่มรายจ่ายให้ประชาชน  โดยที่ประชาชนไม่ได้อะไร
  7. จากการสำรวจสอบถามความพึงพอใจประชาชนไม่อยากเข้าร่วมโครงการนี้ สำหรับพื้นที่ห่างไกลชนบท  พึงพอใจการทำงานตำรวจแบบดั้งเดิม คือเป็นกันเองมากกว่าครับฯลฯ

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

***********


     ก็เป็นอีกหนึ่งเสียงสะท้อนของผู้ปฏิบัตินะครับ  นอกจากนี้ผมยังมีข้อสังเกตุ หรือข้อโต้แย้งเพิ่มเติมอีกดังนี้ครับ

  1. ต้องโหลดแอพฯ Club House  เป็นภาระทั้งตำรวจและประชาชน  แอพเต็มเครื่อง  เปลืองพื้นที่จััดเก็บ และเปลืองค่าเน็ตเมื่อต้องใช้    ตำรวจต้องเรียนรู้ ใช้ให้เป็น  แล้วต้องไปสอนประชาชนให้ใช้ให้เป็นอีก  กว่าจะได้เริ่มคุยกัน  ซึ่งจริง ๆ ตอนนี้แอพฯ Club House  มันเอาท์ไปแล้ว   
  2. ต้องนัดเวลากันว่าจะคุย  แล้วชาวบ้านต้องสละเวลามาวุ่นวายกับนโยบายของตำรวจ  ทั้ง ๆ ที่เขาสามารถพูดคุย หรือส่งข้อมูลต่าง ๆ ให้ตำรวจในพื้นที่ได้อยู่แล้ว  ด้วยการพูดจาโดยตรง , โทรศัพท์ หรือ ไลน์คุยกัน ได้เลย
  3. สภาพสังคมในเมือง กับชนบทต่างกัน  คนในเมือง  บ้านมีรั้วสูง เพื่อนบ้านไม่รู้จัก  คนในซอยมีใครบ้าง  ทำอาชีพอะไร ก็ตอบไม่ได้  แต่คนชนบทนั้งต่างกัน  จะเอาแอพฯ เอาเทคโนโลยีอะไร  ดูบริบทของแต่ละพื้นที่ด้วย
  4. งานประจำก็ล้นอยู่แล้ว ทั้งออกตรวจ , Police 4.0 , ระงับเหตุ , ว.4 งานในพื้นที่ , ตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด , ชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ ฯลฯ  ไม่ได้ว่างนะครับ  จะเพิ่มงานให้แบกอะไรกันนักหนา  อย่างนี้ไง  คนแม่งถึงหนีไปช่วยราชการกับเจ้านายกันหมด  ไม่อยากอยู่โรงพักเพราะข้อสั่งการแบบนี้แหละ
  5. นโยบายอะไรก็ตามแต่  ควรต้องผ่านงานยุทธศาสตร์ ตร.  ศึกษาความเป็นไปได้  ไม่เพิ่มภาระให้กับผู้ปฏิบัติ  และให้ ผบ.ตร. อนุมัติ เป็นนโยบายที่จะได้ทำต่อเนื่องไป  ไม่ใช่นโยบายส่วนตัวที่อยากได้พื้นที่ข่าว  หิวแสง อะไรแบบนั้น  ทำให้นึกถึงนโยบาย ฝากบ้านฯ , Police i lert U , Home Guard , ตำรวจอาสา , สมาชิกแจ้งข่าว , ยกระดับการให้บริการ , โรงพักเพื่อประชาชน ฯลฯ   แทบไม่เคยถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการนะครับ  
  6. เป็นนโยบายที่ไม่มีงบประมาณ(อีกแล้ว)  ต้องรบกวนทรัพยากรส่วนตัว คือ สมาร์ทโฟนของตำรวจและประชาชน  รวมถึงค่าอินเตอร์เน็ตของแต่ละคนอีกด้วย  

     อยากจะบอกว่าพอเถอะครับ  ไม่ต้องคิดงานอะไรมาให้ทำแล้ว  เอาแค่งานในหน้าที่  เน้น ๆ ทำให้มันดีก่อน  ไม่ต้องเล่นท่า พลิกแพลงอะไร  จัดคนลงมาโรงพักให้เพียงพอ  อุปกรณ์การทำงาน น้ำมัน ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ   งบประมาณหายไปกับการก่อสร้างที่ตำรวจส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์  ตั้งหน่วยงาน ขยายหน่วยงานโดยเอาคนของโรงพักไป(เกษียณแล้วไม่ได้คืน)  เรียกตัวไปช่วยราชการ ติดตามเจ้านาย อยู่ชุดปฏิบัติการพิเศษที่งานน้อย เงินเยอะ  สารพัดที่นายพลจะทำ   อย่าบอกให้ได้ยินนะว่า "โรงพักเป็นจุดแตกหัก" 



ตำรวจบ้านนอก




ความคิดเห็น