วันตำรวจในประเทศไทย คือ วันที่13 ตุลา ที่ผ่านมาเป็นเหตุการณ์รำลึกอดีต ต่างๆ ที่สำคัญทางการเมือง มีอยู่ในประวัติศาสตร์แห่งการขุดค้นของความจริง เพราะคนเราย่อมบิดเบือนเรื่องพูดความจริงกันได้ แม้แต่มีเครื่องมือจับเท็จ ใช้เทคนิควิทยาศาสตร์ ก็ยากจับเท็จได้ เนื่องจากบางคนไม่สามารถจับเท็จทางการสอบสวนอย่างตำรวจได้
ส่วนประวัติศาสตร์ของความย้อนแย้ง มักปรากฏบทเรียน ให้เรียนรู้จำนวนมาก และสมองของคน มีขีดจำกัดของความทรงจำ และหลงลืม โดยอาจจะไม่ตั้งใจลืม ก็ลืมได้ ในจำนวนเหตุการณ์,ข่าวสารต่างๆนานา แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่จำได้มากที่สุด จากเรื่องเจ็บแค้นเจ็บปวดทางอารมณ์ ทำให้ไม่ลืม โดยแยกแยะต่างจากกรณีอารมณ์กับเหตุผล
เมื่อเอ่ยถึงตรรกะของเหตุผล สามารถพิสูจน์ความจริงได้ถูกต้อง กรณีตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ คือ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เช่น อดีตผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คือ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ที่เคยไล่บี้ทักษิณเรื่องคอรัปชั่น ยังมีข่าวติดกับดักของอำนาจ และเงินเดือน ฯลฯ ซึ่งมีการเกาะคปค.หรือคมช. ในการต่ออายุตำแหน่งตัวเอง โดยพึ่งสนธิ บุญฯ ที่เคยเป็นข่าวด้วย
ส่วนโครงการประกายแสงดาว อยากเล่าย่อๆ โดยสรุปต่อว่าข่าวนี้ปรากฏในช่วง19พ.ย.49 โดยนสพ.โพสต์ทูเดย์ และมีข่าวหมอประเวศ ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อกล่าวหา4ข้อของคปค.มีมูลความจริงแต่อย่างใด และข่าวบุชเข้าใจแอ้ด สัมพันธ์ไทย-สหรัฐฉลุย หรือกรณีข่าวปัญหาหวย-ปัญหาภาคใต้ ฯลฯ เป็นต้น
กรณีข่าวการเมืองฉบับในนสพ.พาดหัว.. ‘ทักษิณ’เดินสายรอบไทยอดีตทูตจี้! ยึดหนังสือเดินทางเป็นข่าว ที่มีการเขียนข่าวการตะลอนทัวร์ของทักษิณทำให้ทั้งครม.และคมช.ต่างผวาไม่น้อย เพราะเครือข่ายทักษิณมีอยู่ไม่น้อยในภูมภาคนี้ ตอนนั้นมีบิ๊กจิ๋วบอกอย่าเกลียดคนรวย ส่วนป๋าเปรมไล่คนไม่ดีอย่ามายุ่งการเมือง คือ ตอนนั้นป๋าเปรมยกย่องสุรยุทธ์ นายกรัฐมนตรีตอนนั้นเทียบเท่าเซอร์วินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษถึงสองครั้ง ตามภาษาและการสรุปย่อข่าวดังกล่าวมีเรื่องรองปลัดยธ.ต้องโทษออกจากราชการ และปิดท้ายข่าว…
โดยข่าวการปรับโครงสร้างตำรวจ (มีรูปการ์ตูนล้อเลียนตำรวจในฉบับดังกล่าว)… ที่คณะทำงานพัฒนาระบบงานตำรวจ เสนอแนวคิดปรับโครงสร้างตำรวจบางส่วนให้ไปขึ้นตรงกับจังหวัด หรือองค์กรท้องถิ่น เล่นเอา พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สนช.)ลุกขึ้นมาเต้นตอบโต้เหล่านักวิชาการว่าไม่รู้จริง และพร้อมประกาศว่า “เมื่อใดตำรวจไปอยู่กับท้องถิ่น เมื่อนั้นแผ่นดินลุกเป็นไฟ”
ทั้งนี้ ข้อน่าสังเกต มีข้อมูลที่อ้างอิงถึงบริบทช่วงเวลานั้น จากข่าวเก่าเล่าใหม่กระจายอำนาจกับตำรวจ ในอดีตปี2549 มีเครือข่ายเอ็นจีโอไปเป็นสนช.และเครือข่ายหมอประเวศ ในอดีต คือ ข้อสังเกตเปรียบเทียบอดีตและปัจจุบัน อำนาจของรัฐบาลมาจากการรัฐประหาร ที่ตำรวจไม่ยอมกระจายอำนาจด้วยซ้ำ แต่มาปัจจุบันมี(ร่าง)พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร โดยร่างพรบ.เชียงใหม่จัดการตนเองของกลุ่ม ที่เรียกว่า เครือข่ายเชียงใหม่จัดการตนเอง จะมีตำรวจท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งร่างพรบ.ชี้แนะว่า ตำรวจต้องขึ้นกับท้องถิ่นที่มีผู้ว่าราชการเชียงใหม่มหานคร เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารเช่นในนานาอารยประเทศทั้งหลาย
โดยจะยังคงมีกองปราบหรือ DSI ฯลฯ เพื่อปฏิบัติการในกรณีคาบเกี่ยวในเขตพื้นที่หรือเป็นคดีสำคัญ ซึ่งการให้ตำรวจมาสังกัดท้องถิ่นนี้จะทำให้เกิดการคล่องตัวทั้งสายการบังคับบัญชาและงบประมาณที่จะทำให้ตำรวจท้องที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น(กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเพิ่มบทบาทไปในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย)
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างตำรวจกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นกลับย้อนแย้งจากอดีตที่ว่า เมื่อใดตำรวจไปอยู่กับท้องถิ่น เมื่อนั้นแผ่นดินลุกเป็นไฟ ก็เป็นความปรารถนาให้อนาคต…บ้านเมืองสงบเรียบร้อยแผ่นดินเย็นเป็นบ้านเมืองเย็นสำเร็จด้วย
บทความโดยโครงการประกายแสงดาว
21 ตุลาคม 2555
21 ตุลาคม 2555
ที่มา ไทยอีนิวส์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น