ทุก ๆ ปีจะมีการกำหนดเป้าหมายการจับกุมยาเสพติดมาจากฟากฟ้า ให้หน่วยผู้ปฏิบัติรับไปดำเนินการ ปกติก็จะมีเป้า ผู้เสพ , ตรวจสอบทรัพย์สิน , ขยายผล , หมายจับ , 5 ข้อหาสำคัญ ซึ่งก็ต้องไล่บี้ทำกันให้บรรลุเป้าให้ได้
การทำงานแบบมีเป้าหมายนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด ยิ่งต้องปราบปรามจับกุม และยึดทรัพย์ให้เข็ดหลาบ แต่ที่มีปัญหาคือการแบ่งเป้าหมายมาให้ระดับสถานี เพราะตัวกองบังคับการ ได้รับเป้ารวมมา การแบ่งเป้าหมายควรดูจากจำนวนพื้นที่ ประชากร และสถิติย้อนหลัง เพื่อหาความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ไม่ใช่หารแบ่งง่าย ๆ เพราะจะกลายเป็นว่าบางพื้นที่ทำให้ตายก็ไม่ได้ตามเป้า ในขณะที่อีกที่หนึ่งทำสบาย ๆ ก็ทะลุเป้า และพอทะลุเป้าแล้วก็เฉย ๆ แล้ว ผ่อนคันเร่งเลย ทำเกินเป้านิดหน่อยกลายเป็นได้ความดีความชอบ ทั้ง ๆ ที่ยอดการจับกุม-ยึดทรัพย์ ก็พอ ๆ กับปีก่อน ไม่ได้ดีเด่นอะไร หนำซ้ำบางแห่งไม่แบ่งเป้าให้กองกำกับการสืบสวนด้วย ทั้ง ๆ ที่ก็จับกุมมาโดยตลอด
การแบ่งเป้าหมายที่มีปัญหาดังกล่าว เป็นความไม่ยุติธรรม หรือมักง่าย ของผู้บังคับบัญชา หรืออาจจะเป็นการวางเกมเอาไว้มอบความดีความชอบให้คนของตัวเองก็สุดแท้แต่ แต่มันจะมีผลต่อการปราบปรามยาเสพติดแน่นอน
อีกอย่างถ้าจะกำหนดเป้ามาแบบนี้ เช่น 5 ข้อหาสำคัญ ร้อยละ 20 - 30 ของการจับกุม ถ้างั้นปีนี้จับให้น้อย ปีหน้าก็ไม่เหนื่อย เพราะเหนื่อยไปก็ไม่ได้อะไร เสี่ยงตายไปก็เท่านั้น เก็บชีวิตไว้ดูแลลูกเมียดีกว่า ถ้าคิดกันอย่างนี้ เจ้านายจะทำไง ? / ปัจจุบันทำงานกันด้วยใจ เพราะทำงานนอกเครื่องแบบนั้นใช้งบประมาณมากกว่าปกติ แต่ไม่มีอะไรมาสนับสนุนเลย รถส่วนตัว ปืนซื้อเอง ค่าโทรฯ น้ำมัน กินอยู่ เลี้ยงสาย(ไม่เลี้ยงสาย ใครมันจะทำงานให้วะ ตัวมันเองก็เสี่ยงที่ไปชี้เป้า ล่อซื้อให้) สารพัด
หมายเหตุ ศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จะมีหน่วยงานหลัก 3 ฝ่ายเพื่อรับผิดชอบงานคนละด้าน คือ ฝ่ายปกครอง-อบรมกลุ่มเสี่ยง , สาธารณสุข-บำบัด , ตำรวจ-จับกุม ผู้อำนวยการศูนย์ฯ คือฝ่ายปกครอง จะได้รับความดีความชอบมากกว่าใคร น่าแปลกเพราะการจับกุม ตำรวจทำเอง แต่ตอนอบรม หรือบำบัด กลับบูรณาการทุกหน่วย มันแฟร์ม่ะ อีกอย่างคือการแบ่งงบ ก็ไม่แฟร์นะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น