เป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาทับซ้อนกับปัญหาเดิมในเรื่องของการฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่แม้จะมีการแถลงข่าวการจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหา ชาวเมียนมาร์ และทำแผนประกอบคำรับสารภาพไปแล้ว แต่สังคมหลายส่วนก็ยังมีข้อโต้แย้งกันมากมายในเรื่องหลักฐานต่าง ๆ ทางคดี อีกทั้งประวัติการ "จับแพะ" และยัดข้อหา ที่เกิดขึ้นถี่ยิบในช่วง ผบ.ตร. คนใหม่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ในกรณี เปิ้ล กฤชสุดา , มือปืนเสื้อแดง ฯลฯ ที่ค้านสายตาและมีข้อครหาเรื่อง "ใบสั่งการเมือง" ทุกคดี
ตอนนี้รัฐบาลอังกฤษถึงกับส่งทีมสืบสวนเข้ามาสืบคดีด้วยตนเอง หักหน้ากระบวนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจไทย และจะยิ่งเละ ถ้าหากผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่อังกฤษออกมาไม่ตรงกัน ซึ่งมีรายละเอียดของข่าวดังนี้
คดีเกาะเต่า ซีซั่น2 ตำรวจอังกฤษ ชี้ มาเฟียเกาะเต่าเป็นคนสังหาร
แฉ “ข้อมูลลับคดีเกาะเต่า” ในมือตำรวจอังกฤษ ส่อเค้าคดีบานปลาย เชื่อ 2 หม่องคนร้ายถูกยัดข้อหาให้เป็นแพะ เพื่อนซี้คนตาย “คริสโตเฟอร์ อลันแวร์” พลิกสถานการณ์จากเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยกลายเป็นพยานให้นักสืบผู้ดีมีหลักฐานฉีกหน้าโปลิศไทย ระบุมาเฟียเกาะเต่าเป็นคนสังหาร “ฮันนาห์-เดวิด” หลังรุมมอมยาและรุมโทรมข่มขืนแหม่ม “สมยศ” ซึมสถานการณ์กดดันหนักถึงกับป่วย อ้างหลังเดี้ยงลาพัก 3 วัน
คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ กับ นายเดวิด มิลเลอร์ กลายเป็นคดีโด่งดังระดับโลกไปแล้ว และจุดจบคดีส่อเค้าจะพลิกจากที่ตำรวจไทยทำสำนวนไว้
ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมาได้เดือนเศษแล้ว และตำรวจไทยสามารถปิดคดีด้วยการจับ นายเวฟิน หรือ วิน และ นายซอ ลิน หรือ โซเรน 2 ผู้ต้องหาแรงงานหลบหนีเข้าเมืองชาวพม่า และอยู่ระหว่างส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาเพื่อสั่งฟ้อง แต่ปรากฏว่ามีการเคลื่อนไหวจากรัฐบาลอังกฤษ – พม่า และกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ ออกมากดดันรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่มความเข้มข้นของการรื้อฟื้นคดีขึ้นใหม่เป็นลำดับ
จากที่เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เดินทางเข้าหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตกลงกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เรื่องส่งทีมสืบสวนมาไทย นายเคนท์ กล่าวว่า หลักการทำงานเป็นของไทย แต่ทางอังกฤษมาเพื่อให้คำแนะนำ รับฟังข้อมูลจากฝ่ายไทยเกี่ยวกับกระบวนการและวิธีการสืบสวนที่ผ่านมา และอังกฤษพร้อมให้การสนับสนุนทางไทยหากร้องขอ
ในวันเดียวกัน นายแอนดี ฮอล นักกฎหมายชาวอังกฤษ ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกฏหมายต่างประเทศ เครือข่ายเพื่อสิทธิมนุษยชนแรงงานข้ามชาติ เข้าเยี่ยม 2 นักโทษชาวพม่าที่เรือนจำ อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี พบร่างกายบาดเจ็บหลายแห่ง รวมทั้งข้อเท้าที่เกิดจากการตีตรวน ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวผู้ต้องหาไปตรวจร่างกายยังโรงพยาบาลเกาะสมุย และเอกซเรย์ที่ทรวงอกซึ่งผลการตรวจจะแจ้งต่อคณะทำงานและเจ้าหน้าที่ต่อไป
รายงานแจ้งว่า เกี่ยวกับคดีนี้ แม้ฝ่ายตำรวจจะสรุปสำนวนปิดคดีไปแล้ว แต่ยังปิดไม่ลง เพราะอัยการตีกลับมาสอบสวนประเด็นต่างๆ ถึง 2 รอบ ยิ่งเพิ่มความพิรุธให้เกิดเป็นประเด็นใหม่ขึ้นมาอีก โดยกลุ่มที่ยังปักใจไม่เชื่อว่า 2 ผู้ต้องหาชาวพม่าจะเป็นตัวจริง โดยได้โพสต์ข้อความในโลกโซเชียลรวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ในแง่มุมต่างๆ
จับประเด็นได้ว่า การที่อังกฤษยื่นมือเข้ามาอย่างไม่ต้องเกรงใจรัฐบาลไทยนั้น น่าจะมาจากคดีเก่าๆ ที่พลเมืองเขาต้องมาสังเวยชีวิตในสยามเมืองยิ้ม ปีละหลายๆ ศพ ล่าสุด ที่เกาะเต่า หลังจากที่ นายคริสโตเฟอร์ อลันแวร์ เพื่อนสนิทนายเดวิด มิลเลอร์ กลับไปยังมาตุภูมิเรียบร้อย มีการเผยรายละเอียดกับสื่ออังกฤษ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของเขาอย่างละเอียดทุกแง่มุม
โดยเปิดประเด็นจาก นายคริสโตเฟอร์ อลันแวร์ มีสัมพันธ์กับนายเดวิด มิลเลอร์ แบบคู่เกย์จึงตัดไปได้ว่าเดวิดผู้ตายจะไปมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวที่ไหนนอกจากคบหากันแบบเพื่อน ดังนั้น ข้อสันนิษฐานของตำรวจไทย หรือคำสารภาพของผู้ต้องหาชาวพม่าทั้ง 2 ที่ระบุว่าเห็นคนตายพลอดรักกัน จนทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และเข้าไปทำร้ายร่างกายก่อนข่มขืน ฆ่าปิดปากนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้
นอกจากนั้น ข้อมูลบางอย่างที่อังกฤษให้ความสนใจ ก็คือ กลุ่มอิทธิพลบนเกาะเต่า ซึ่งชาวบ้านหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ไทยก็ทราบกันดีว่าเป็นใครบ้าง การข่าวจากนักสืบสกอตแลนด์ยาร์ดที่เคยมาสังเกตการณ์คดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามากมายหลายคดี แต่มิได้แจ้งกับทางการไทยก็พบว่าขบวนการมาเฟียใหญ่อยู่ที่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเกาะพะงัน เจ้าตำรับฟลูมูนปาร์ตี อันเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดระดับโลก หรือที่เกาะเต่า ล้วนมีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่อง
นอกจากนั้น ในวันเกิดเหตุผลการสืบสวนของอังกฤษ กลับตรงข้ามฝ่ายไทยอย่างสิ้นเชิง โดยเชื่อว่าระหว่างคนตายกับเพื่อนๆ ออกมาปาร์ตีกันอยู่ มีกลุ่มฆาตกรเฝ้าจับตาอยู่ห่างๆ ซึ่งวิธีการมอมเหล้านั้นมีหลายรูปแบบ ทั้งเพิ่มสีสันบรรยากาศ หรือเข้าไปตีสนิท จนถึงแอบผสมยาเสพติดบางชนิดในเครื่องดื่มอันเป็นวิธีที่กลุ่มมาเฟียประจำเกาะใช้จัดการกับเหยื่อ
และเมื่อดูตามรูปการณ์ มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะปฏิบัติการช่วงแยกย้ายกันกลับที่พัก พอสบโอกาสก็ลากตัวน.ส.ฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ ไปข่มขืน แต่เนื่องจากเป็นการล่วงละเมิดในลักษณะที่คนตายเมามายไม่ได้สติ จึงมิได้ขัดขืน ซึ่งตรงกับการชันสูตรศพที่พบว่าไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายตามร่างกาย มีแต่บาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าจนเสียชีวิต
ในระหว่างนั้น นายมิลเลอร์ มาเห็นจึงเข้าช่วย จึงถูกทำร้ายก่อนลากไปทิ้งให้จมน้ำตาย อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้อาจไม่ชัดเจนนัก เพราะ นายคริสโตเฟอร์ อลันแวร์ แทนที่จะเป็นพยานปากสำคัญให้ทางการไทย เมื่อรีบปล่อยกลับประเทศ เขาก็กลายเป็นพยานสำคัญของสกอตแลนด์ยาร์ด เกมเปลี่ยน แรงกดดันจึงมาตกที่ทางการไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนฆาตกรตัวจริงที่ทางอังกฤษจับตานั้น เป็นผู้ต้องสงสัยกลุ่มเดิมๆ ซึ่งไม่พ้นลูกหลานผู้มีอิทธิพลบนเกาะเต่าเจ้าเก่านั่นเอง มีการระบุด้วยว่าพวกนี้ปลูกรากฝังลึกมาเป็นเวลานาน มีธุรกิจหลายอย่างทั้งสีเทา สีดำ และสีขาว มีอิทธิพลการเงินสูง เป็นที่เกรงอกเกรงใจของเจ้าหน้าที่ไทยบางคน จนชาวบ้านไม่กล้าพูด เพราะกลัวเภทภัยถึงตัว อีกทั้งพฤติกรรมของมาเฟียกลุ่มนี้เป็นที่กล่าวขานกันทั้งเกาะในความโหด เลว ไม่มีดี มีเรื่องล่อลวงนักท่องเที่ยวหญิงไปอนาจารกันเป็นประจำ และ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ ก็คือ 1 ในเหยื่อ
คดีฆาตกรรมบนเกาะเต่า กลับมาถึงจุดเริ่มต้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มีหน้าตาของสยามเมืองยิ้ม และเก้าอี้สำคัญๆ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วางเป็นเดิมพันด้วย จริงอยู่แม้ไม่มีใครละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทยได้ แต่เราเองก็จำเป็นต้องใช้ความจริง ความสุจริต พิสูจน์ให้ชาวโลกประจักษ์ หากอังกฤษไม่มีดี ไม่มีไต๋อยู่ในมือ มีหรือจะเดินหน้ากดดันไทยอย่างหนัก แถมยังยกข้อตกลงระหว่าง “ผู้นำ กับ ผู้นำ” มาดักคอกันล่วงหน้า
จนข่าววงในลือกันขนาดว่า นักสืบสกอตแลนด์ยาร์ดแฝงตัวมาก่อนหน้าและได้ตัวอย่างดีเอ็นเอจาก 2 หม่องไปเรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างพิสูจน์เทียบกับดีเอ็นเอ ที่พบในศพ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ ซึ่งหากตรงสามารถอธิบายได้ตำรวจไทยก็รอดไป แต่ถ้าไม่? อะไรจะเกิดขึ้น
ระหว่างรอความเป็นไปด้วยใจระทึกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันเดียวกันนี้ มีแต่ความเงียบเหงา มีรายงานว่าตัวจักรสำคัญของคดีเกาะเต่า คือพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ปิดประตูไม่รับแขก มีแต่เพียงเจ้าหน้าที่ในสำนักงานฯ 4-5 คน ปฏิบัติหน้าที่กัน เมื่อสอบถามจึงทราบว่าท่าน ผบ.ตร. เกิดอาการเจ็บหลังอย่างหนัก และลาหยุดเป็นเวลา 3 วัน ส่วนอีกมุมของอาคาร 1 อันเป็นห้องทำงานของ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ฝ่ายกฎหมาย มีแผ่นกระดาษเขียนแปะหน้าห้องว่าลาไปราชการต่างประเทศกลับวันที่ 28 ต.ค.
เป็นอันว่าถ้าตำรวจ 2 นายนี้มาไม่ทันรับทีมสกอตแลนด์ยาร์ดที่ตอนนี้เปิดตัวอยู่เมืองไทยแล้ว ก็คงให้พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดารรท. รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ผู้มีบทบาทในคดีเดียวกันรับหน้าเสื่อไปพลางก่อน
เป็นอีกครั้งที่ความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะตำรวจ ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น ความเชื่อถือ ศรัทธา นั้นไม่สามารถสร้างได้ในวันเดียว ต้องได้รับการสั่งสมมายาวนาน แต่ในทางกลับกัน การทำคดีที่ไม่ซื่อตรง สุจริต นั้นสามารถทำลายความน่าเชื่อถือ ที่มีลงได้อย่างง่ายดายในวันเดียว ขอให้ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. ต้องกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในทุกเรื่อง ไม่งั้นองค์กรไปไม่รอด และตกเป็นจำเลยสังคมอยู่ร่ำไป
ขอบคุณภาพจาก truelife.com
ขอบคุณภาพจาก truelife.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น