19 มี.ค. 58 - ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเห็นสมควรประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นกฎหมายด้วยคะแนน 168 เสียง งดออกเสียง 17 เสียง
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มีศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยที่ประชุมมีมติเห็นสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมายด้วยคะแนน 168 เสียง งดออกเสียง 17 เสียง
ทั้งนี้สาระสำคัญของร่างฉบับนี้คือ สมควรปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการตำรวจให้เหมาะสมเป็นธรรมและได้มาตรฐาน โดยคำนึงถึงค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลงไป ค่าตอบแทนในภาคเอกชน ฐานะการคลังของประเทศ ความแตกต่างระหว่างรายได้ของข้าราชการต่างประเภทกันและปัจจัยอื่นที่จำเป็นสมควรปรับบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
โดยสรุปสาระสำคัญร่าง พรบ. เงินเดือนตำรวจฯ ที่ผ่าน สนช เมื่อวาน ซึ่งจะมีผลย้อนหลังไป 1 ธค 57 ดังนี้
1.รวบแท่งเงินเดือนที่เคยประเมินข้ามแท่งเป็นแท่งเดียว เช่น ส3-ส4 รวมเป็น ส3, ส4-ส5 รวมเป็น ส4 โดยเอาเงินเดือนที่สูงกว่าแท่งถัดไปมาต่อแท่งเดิม แล้วขยายเพดานเงินเดือนขึ้นไปอีก 3 ขั้น ผลคือ จะไม่มีการประเมินข้ามแท่งอีกต่อไปเพราะมีการรวบแท่งเงินเดือน 2 แท่งเป็น 1 แท่งแล้ว เช่น รอง ผกก ที่เต็มขั้น ส3 ถ้าไม่ได้เลื่อนเป็น ผกก. ก็จะกินเงินเดือน ส3 ที่มีการรวบแท่งและขยายเพดานเงินเดือนไปจนเต็มเพดาน
2.ผู้ดำรงตำแหน่งรอง ผกก ลงไป จะได้เพิ่มเงินเดือนพิเศษอีก 1 ขั้น ณ 1 ธ.ค.57
3.นอกจากรวบแท่งและขยายเพดาน ตามข้อ 1 แล้ว ท่าน พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ รองเลขาธิการ นรม. ยังได้ผลักดันเงินเดือนของข้าราชการตำรวจในส่วนที่เสียเปรียบพลเรือน หลังจากพลเรือนได้ปรับระบบตำแหน่งใหม่ คือ พล.ต.อ. เดิม ได้รับเงินเดือนเท่ารอง อธิบดี ปรับเป็นเท่าปลัดกระทรวง โดยเพิ่มอีกประมาณ 1 ขั้น ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการปรับบัญชีเงินเดือนท้าย ร่างพรบ.แล้ว จากเดิม เพิ่ม 3 ขั้น บวกเพิ่มอีก 1 ขั้น เป็น 4 ขั้น(นี่มันสำหรับ พลตำรวจเอก ... จะมีคนได้ประโยชน์ซักกี่คนนะ)
4. มีการบัญญัติเพิ่มใน ร่าง พ.ร.บ. เรื่องการเยียวยา กรณีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่ง สนช.ได้ให้ข้อสังเกตุกรณีที่ พล.ต.อ.วัชรพลฯ ขอสงวนความเห็นไว้ในชั้นกรรมาธิการวิสามัญเช่น
-พล.ต.ท. เพิ่ม=พล.ต.อ.=ปลัดกระทรวง. คือเพิ่มอีก 1 ขั้น
- เงินเดือน พล.ต.ต. จะเพิ่ม = ระดับ 9 หรือ บริหารต้น คือ เพิ่มอีก ครึ่งขั้น
- เงินเดือน พ.ต.อ. จะเพิ่ม =ระดับ 8 หรืออำนวยการต้น คือเพิ่มอีก ครึ่งขั้น
โดยทางทหารและ ตร ต้องไปจำแนกตำแหน่ง เลขใดรับเงินบริหาร เลขใดรับเงินเชี่ยวชาญ โดยผู้รับเงินบริหารเท่านั้น ถึงจะได้สิทธิ์รับเงินเดือนดังกล่าวข้างต้นได้ ส่วนใครรับเงินประเภทเชี่ยวชาญ ก็คงไม่ได้รับสิทธิ์ได้รับเงินเดือนเท่ากับระดับที่ได้มีการเทียบข้างต้น
ทั้งนี้การเยี่ยวยาให้เป็นไปตามเกณท์ให้ได้รับสิทธิ์เท่าพลเรือน ตามที่กล่าว จะทำโดยอาศัยข้อกฎหมายเรื่องการเยียวยา ที่ได้มีการเพิ่มเติมไว้ใน ร่าง พรบ. แล้วซึ่งทาง ตร และทหารต้องไปกำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบหลักเกณท์การเยียวยาในส่วนที่เราเสียเปรียบพลเรือนก่อน โดยใช้หลักการที่เกี่ยวกับลักษณะ ปริมาณ และ ความรับผิดชอบของงาน เทียบกับส่วนราชการอื่น ๆ ที่ได้ค่าตอบแทนที่สูงกว่าข้าราชการตำรวจ
สิทธิอันพึงมีพึงได้ทั้งปวงดังกล่าวคงต้องขอบพระคุณท่าน พล.ต.อ.วัชรพล ที่ท่านได้ พยายามผลักดันถึงที่สุด จนประสบสำเร็จ ทัดเทียมพลเรือน(อันนี้ส่งกันมาทางไลน์ครับ)
รวมทั้งในเรื่อง "ตำรวจเกณฑ์" โดยมีขั้นตอนการคัดเลือก ตำรวจประจำการหรือตำรวจเกณฑ์ จะใช้วิธีเดียวกับการเกณฑ์ทหาร จากเดิม ชายไทยที่มีอายุ ครบ 20 ปี จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ซึ่งมี 3 เหล่า คือ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ก็จะเพิ่มตำรวจ เข้าไป โดย จะเริ่มในเดือน พ.ค ปี 58 นี้(ไม่แน่ว่าจะทัน) เบื้องต้นต้องการกำลังพล 5 พัน ถึง หมื่นนาย ขึ้นอยู่กับงบประมาณ โดยจะได้รับเงินค่าตอบแทน 9 พันบาท ต่อเดือน 2 ปี ปลดประจำการ และจะมีโควต้าบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน โดยดูจากการปฎิบัติงานและพฤติกรรมในการเป็นตำรวจกองประจำการ
อีกเรื่องที่แปลก ๆ คือ ชั้นประทวนต่อไปไม่มียศ โดยกำหนดใหม่ดังนี้
- ยศนายดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ เป็น ข้าราชการตำรวจยศ "นายตำรวจอาวุโส" ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชำนาญการ
- ยศสิบตำรวจตรี ถึง จ่าสิบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ เป็น ข้าราชการตำรวจยศ "นายตำรวจ" ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏฺิบัติการ
โดยยศตามลำดับของตำรวจตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้จะมีดังนี้ครับ
พลตำรวจเอก
พลตำรวจโท
พลตำรวจตรี
พันตำรวจเอก
พันตำรวจโท
พันตำรวจตรี
ร้อยตำรวจเอก
ร้อยตำรวจโท
ร้อยตำรวจตรี
นายตำรวจอาวุโส
นายตำรวจ
พลตำรวจ
ไม่ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ได้สอบถามความเห็นของกำลังพล หรือพี่น้องข้าราชการตำรวจบ้างหรือไม่ และมีหลักการคิดอย่างไร เปลี่ยนแล้วดียังไง มีการศึกษาวิจัยประกอบหรือไม่ แล้วต่อไปจะแต่งเครื่องแบบกันอย่างไร เป็นสิ่งที่คณะ สนช. จะต้องอธิบายให้ชัดเจน(หลังจากถูกเปิดโปงว่าเอาโครตเหง้าศักราชมาแดรกเงินเดือนหลวง จะหวังอะไรกับคนพวกนี้ได้อีกนะ) รึเกิดจากอคติล้วน ๆ , รึเป็นขั้นตอนแรกของการปลดยศตำรวจ
เห็นงุบงิบออกกฎหมายมาหลายสิบฉบับจนจำกันไม่ทันแล้ว คนพวกนี้จะมีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติอย่างไร หรือไม่ หากเกิดความเสียหาย รึอวดตนว่าเป็นคนดี แค่นั้นพอ ??
สำหรับความคืบหน้าและรายละเอียดจะได้นำมาเสนอกันต่อไปครับ เอกสารที่ได้มาก็ยังไม่ยืนยันนะครับ(ก็มันงุบงิบออกกฎหมาย ไม่อยากให้ไก่ตื่น)
1.รวบแท่งเงินเดือนที่เคยประเมินข้ามแท่งเป็นแท่งเดียว เช่น ส3-ส4 รวมเป็น ส3, ส4-ส5 รวมเป็น ส4 โดยเอาเงินเดือนที่สูงกว่าแท่งถัดไปมาต่อแท่งเดิม แล้วขยายเพดานเงินเดือนขึ้นไปอีก 3 ขั้น ผลคือ จะไม่มีการประเมินข้ามแท่งอีกต่อไปเพราะมีการรวบแท่งเงินเดือน 2 แท่งเป็น 1 แท่งแล้ว เช่น รอง ผกก ที่เต็มขั้น ส3 ถ้าไม่ได้เลื่อนเป็น ผกก. ก็จะกินเงินเดือน ส3 ที่มีการรวบแท่งและขยายเพดานเงินเดือนไปจนเต็มเพดาน
2.ผู้ดำรงตำแหน่งรอง ผกก ลงไป จะได้เพิ่มเงินเดือนพิเศษอีก 1 ขั้น ณ 1 ธ.ค.57
3.นอกจากรวบแท่งและขยายเพดาน ตามข้อ 1 แล้ว ท่าน พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ รองเลขาธิการ นรม. ยังได้ผลักดันเงินเดือนของข้าราชการตำรวจในส่วนที่เสียเปรียบพลเรือน หลังจากพลเรือนได้ปรับระบบตำแหน่งใหม่ คือ พล.ต.อ. เดิม ได้รับเงินเดือนเท่ารอง อธิบดี ปรับเป็นเท่าปลัดกระทรวง โดยเพิ่มอีกประมาณ 1 ขั้น ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการปรับบัญชีเงินเดือนท้าย ร่างพรบ.แล้ว จากเดิม เพิ่ม 3 ขั้น บวกเพิ่มอีก 1 ขั้น เป็น 4 ขั้น(นี่มันสำหรับ พลตำรวจเอก ... จะมีคนได้ประโยชน์ซักกี่คนนะ)
4. มีการบัญญัติเพิ่มใน ร่าง พ.ร.บ. เรื่องการเยียวยา กรณีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่ง สนช.ได้ให้ข้อสังเกตุกรณีที่ พล.ต.อ.วัชรพลฯ ขอสงวนความเห็นไว้ในชั้นกรรมาธิการวิสามัญเช่น
-พล.ต.ท. เพิ่ม=พล.ต.อ.=ปลัดกระทรวง. คือเพิ่มอีก 1 ขั้น
- เงินเดือน พล.ต.ต. จะเพิ่ม = ระดับ 9 หรือ บริหารต้น คือ เพิ่มอีก ครึ่งขั้น
- เงินเดือน พ.ต.อ. จะเพิ่ม =ระดับ 8 หรืออำนวยการต้น คือเพิ่มอีก ครึ่งขั้น
โดยทางทหารและ ตร ต้องไปจำแนกตำแหน่ง เลขใดรับเงินบริหาร เลขใดรับเงินเชี่ยวชาญ โดยผู้รับเงินบริหารเท่านั้น ถึงจะได้สิทธิ์รับเงินเดือนดังกล่าวข้างต้นได้ ส่วนใครรับเงินประเภทเชี่ยวชาญ ก็คงไม่ได้รับสิทธิ์ได้รับเงินเดือนเท่ากับระดับที่ได้มีการเทียบข้างต้น
ทั้งนี้การเยี่ยวยาให้เป็นไปตามเกณท์ให้ได้รับสิทธิ์เท่าพลเรือน ตามที่กล่าว จะทำโดยอาศัยข้อกฎหมายเรื่องการเยียวยา ที่ได้มีการเพิ่มเติมไว้ใน ร่าง พรบ. แล้วซึ่งทาง ตร และทหารต้องไปกำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบหลักเกณท์การเยียวยาในส่วนที่เราเสียเปรียบพลเรือนก่อน โดยใช้หลักการที่เกี่ยวกับลักษณะ ปริมาณ และ ความรับผิดชอบของงาน เทียบกับส่วนราชการอื่น ๆ ที่ได้ค่าตอบแทนที่สูงกว่าข้าราชการตำรวจ
สิทธิอันพึงมีพึงได้ทั้งปวงดังกล่าวคงต้องขอบพระคุณท่าน พล.ต.อ.วัชรพล ที่ท่านได้ พยายามผลักดันถึงที่สุด จนประสบสำเร็จ ทัดเทียมพลเรือน(อันนี้ส่งกันมาทางไลน์ครับ)
รวมทั้งในเรื่อง "ตำรวจเกณฑ์" โดยมีขั้นตอนการคัดเลือก ตำรวจประจำการหรือตำรวจเกณฑ์ จะใช้วิธีเดียวกับการเกณฑ์ทหาร จากเดิม ชายไทยที่มีอายุ ครบ 20 ปี จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ซึ่งมี 3 เหล่า คือ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ก็จะเพิ่มตำรวจ เข้าไป โดย จะเริ่มในเดือน พ.ค ปี 58 นี้(ไม่แน่ว่าจะทัน) เบื้องต้นต้องการกำลังพล 5 พัน ถึง หมื่นนาย ขึ้นอยู่กับงบประมาณ โดยจะได้รับเงินค่าตอบแทน 9 พันบาท ต่อเดือน 2 ปี ปลดประจำการ และจะมีโควต้าบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน โดยดูจากการปฎิบัติงานและพฤติกรรมในการเป็นตำรวจกองประจำการ
อีกเรื่องที่แปลก ๆ คือ ชั้นประทวนต่อไปไม่มียศ โดยกำหนดใหม่ดังนี้
- ยศนายดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ เป็น ข้าราชการตำรวจยศ "นายตำรวจอาวุโส" ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชำนาญการ
- ยศสิบตำรวจตรี ถึง จ่าสิบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ เป็น ข้าราชการตำรวจยศ "นายตำรวจ" ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏฺิบัติการ
โดยยศตามลำดับของตำรวจตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้จะมีดังนี้ครับ
พลตำรวจเอก
พลตำรวจโท
พลตำรวจตรี
พันตำรวจเอก
พันตำรวจโท
พันตำรวจตรี
ร้อยตำรวจเอก
ร้อยตำรวจโท
ร้อยตำรวจตรี
นายตำรวจอาวุโส
นายตำรวจ
พลตำรวจ
ไม่ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ได้สอบถามความเห็นของกำลังพล หรือพี่น้องข้าราชการตำรวจบ้างหรือไม่ และมีหลักการคิดอย่างไร เปลี่ยนแล้วดียังไง มีการศึกษาวิจัยประกอบหรือไม่ แล้วต่อไปจะแต่งเครื่องแบบกันอย่างไร เป็นสิ่งที่คณะ สนช. จะต้องอธิบายให้ชัดเจน(หลังจากถูกเปิดโปงว่าเอาโครตเหง้าศักราชมาแดรกเงินเดือนหลวง จะหวังอะไรกับคนพวกนี้ได้อีกนะ) รึเกิดจากอคติล้วน ๆ , รึเป็นขั้นตอนแรกของการปลดยศตำรวจ
เห็นงุบงิบออกกฎหมายมาหลายสิบฉบับจนจำกันไม่ทันแล้ว คนพวกนี้จะมีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติอย่างไร หรือไม่ หากเกิดความเสียหาย รึอวดตนว่าเป็นคนดี แค่นั้นพอ ??
สำหรับความคืบหน้าและรายละเอียดจะได้นำมาเสนอกันต่อไปครับ เอกสารที่ได้มาก็ยังไม่ยืนยันนะครับ(ก็มันงุบงิบออกกฎหมาย ไม่อยากให้ไก่ตื่น)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น