หนุ่มสถาบันพระปกเกล้า กับที่มาของความเกลียดชัง

เป็นเรื่องเป็นราวทางโลกโซเชี่ยล จนมาถึงสำนักข่าวต่าง ๆ เอามาเล่นเป็นประเด็น กับการที่ นายนันทยุทธ ตันสาโรจน์ เจ้าหน้าที่ทั่วไป สังกัดสำนักคณะกรรมการบริหาร กองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า โพสข้อความในเฟสบุ๊ค ด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ที่ได้ออกใบสั่งข้อหา ไม่ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ ฯ 

     แม้ว่าเมื่อวันที่ 21 เมษายน 58 ที่ผ่านมา  เจ้านายของ นายนันทยุทธฯ จะได้นำตัวนายนันทยุทธฯ ไปขอขมาแล้วก็ตาม  แต่ในทางคดีก็ยังคงต้องดำเนินคดีต่อไป  สังคมไทยควรกลับมาทบทวนพฤติกรรมของของนายนันทยุทธฯ เป็นบทเรียน  ว่าหากไม่ช่วยกันแก้ไข เราจะอยู่กันในสังคมแบบใดในอนาคต  โดยขอแยกเป็นประเด็น ๆ ดังนี้ครับ

     ประเด็นการเกลียดชังเจ้าหน้าที่ตำรวจ  อันนี้ในเบื้องต้นเข้าใจได้ว่า อาชีพตำรวจ ที่คอยจับผิดคนอื่นนั้น  ไม่เป็นที่รักใคร่ของใครอยู่แล้ว(เหมือนที่ผมเคยไม่ชอบ สารวัตรนักเรียน ที่คอยจับผิดนักเรียนเกเรอย่างผม ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่ดี)  แต่เมื่อย้อนกลับไปดูในเฟสบุ๊คนายนันทยุทธฯ พบว่าเคยไปร่วมกิจกรรมกับ ม็อบ กปปส.  ซึ่งมีเหตุหาเรื่องปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายครั้ง  และบนเวที แกนนำก็ปราศรัยด่าทอ สร้างความเกลียดชังตำรวจอย่างต่อเนื่อง

     ประเด็นการไม่ยอมรับกติกาสังคม ไม่ยอมรับกฎหมาย  ไม่ยอมรับว่าตนเองทำผิด  ทั้ง ๆ มีการศึกษา ก็น่าจะรู้ได้ว่า การทำ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยฯ นั้นช่วยได้มาก  หากมีอุบัติเหตุ แล้วมีผู้บาดเจ็บ  หรือเสียชิวิต  จะได้มีค่ารักษาพยาบาล หรือค่าปลงศพ  เป็น พ.ร.บ.ฯ ภาคบังคับสำหรับเจ้าของรถยนต์ รถจักรยานยนต์   พฤติกรรมที่ไม่ยอมรับกติกาสังคม นี่ก็คงมาจาก "คนดี" บนเวที กปปส. อีกเช่นกัน  เพราะ กปปส. ทั้งปิดถนน ยึดสถานที่ราชการ ตัดน้ำตัดไฟ ปิดล้อม ขัดขวางเลือกตั้ง ฯลฯ ล้วนแต่ละเมิดกฎหมายทั้งสิ้น  แต่กลับบอกว่าทำได้ ไม่ผิด

     ประเด็นการดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น  คาดว่าตัวนายนันทยุทธฯ น่าจะจบ ป.ตรี  มาเป็นลูกจ้างประจำสถาบันพระปกเกล้าฯ  จึงได้ดูถูกตำรวจจราจรว่าจบแค่ ม.6  (ถ้าแบบนี้ตัวผมเองน่าจะดูถูกนายนันทยุทธฯ ได้อยู่ เพราะผมจบสูงกว่า แต่ไม่รู้จะทำไปทำไม เพราะการศึกษาสูงกว่า มันมีหลายปัจจัย อาจเป็นที่โอกาสทางครอบครัวก็ได้)  ไม่รู้กฎหมายดีพอ ทำงานเหมือนยามโบกรถ ฯลฯ  ไอ้พฤติกรรมการดูถูกคน นี่ก็มาจากเวที กปปส. อีกแล้ว  แกนนำหลายคนปราศรัยว่าคนมีการศึกษาควรมีสิทธิมีเสียงมากกว่า เสียงมีคุณภาพกว่า

     ประเด็นคำว่า "ตำรวจภูธร"  คำว่า "ภูธร" แปลตรง ๆ ตัวว่า พระราชา  ตำรวจภูธร จึงมีความหมายว่า ตำรวจของพระราชา    เพราะฉะนัน ตำรวจภูธร ไม่ได้ บ้านนอก หรือ ต่ำ อย่างที่นายนันทยุทธฯ เข้าใจแน่ ๆ





     ทั้งหมดนี้คงเห็นได้ว่าปัญหามันเกิดจากการเมือง  ที่ปลุกระดมคนจนเกิดความเกลียดชัง  สร้างฝักฝ่ายขึ้นมา  ยัดเยียดให้ฝ่ายที่ไม่เข้ากับตน เป็นปีศาจร้าย  เลวทุกเรื่อง  ส่วนฝ่ายตนทำอะไรก็ได้ ดีทุกอย่าง ถูกทุกเรื่อง    ทำให้คนเกลียดชังกันได้ทันทีที่รู้ว่าอยู่คนละฝ่าย  ไม่ต้องรู้จักหรือเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ  ถ้าปล่อยแบบนี้ต่อไป  อาจถึงขั้นเกลียดขนาดที่จะฆ่ากันได้  แล้วประเทศเราจะเป็นอย่างไรต่อไป  เอาไปตรองกันดูบ้าง  โดยเฉพาะแกนนำทุกฝ่าย  คุณได้สร้างคนแบบนี้มามากแค่ไหนแล้ว  แม้แต่ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้

     กับนายนันทยุทธฯ ผมว่าตำรวจเราคงไม่ได้ไปเกลียดชังอะไรน้องเขาหรอก(โดนจนชินแล้ว)  ผิดก็ดำเนินคดีกันไป  แล้วแต่ศาลจะพิจารณา  เพียงแต่เป็นห่วงว่าในสังคมจะอยู่กันแบบไร้น้ำใจต่อกัน  เกลียดชังกัน  สยามเมืองนี้ ไม่ยิ้มอีกแล้วหรือ ?

ปล. ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ที่ผ่านมาก็ทำผิดกับประชาชนในหลายเรื่อง  จนเกิดภาพจำในเรื่องการรีดไถ  เป็นส่วนหนึ่งของความเกลียดชัง  ตรงนี้ต้องยอมรับ และปรับปรุงด้วยครับ
ปล.2  ถือเป็นบทเรียนของความคึกคะนองในการใช้โซเชี่ยลมีเดีย  ที่นำภัยมาสู่ตนเอง  อยากให้ไตร่ตรองกันก่อนซักหน่อย  อย่าโพส หรือแชร์ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ  มันอาจจะอยู่กับคุณไปตลอด

ความคิดเห็น