บทสรุปของเหตุระเบิดศาลพระพรหมเมื่อค่ำวันที่ 17 สิงหาคม 58 เป็นที่แน่ชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเป็นประเด็นเกี่ยวกับการส่งชาวอุยกูร์ 109 คน กลับไปจีน ซึ่งแม้ประชาชนทั่วไปจะพอทราบมาก่อนหน้านี้จากกระแสข่าวต่าง ๆ ที่ออกมา แต่ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร .ได้ออกมา ยอมรับอย่างเป็นทางการในกรณีดังกล่าวว่าเกี่ยวข้องกันจริง
โดยมีพยานหลักฐานต่าง ๆ ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และการออกหมายจับ รวมทั้งเส้นทางการเงิน เส้นทางหลบหนี ฯลฯ จึงไม่อาจปฏิเสธเป็นอื่น หรือจะตะแบงให้เป็นเหตุอื่นไปได้
ซึ่งผิดกับที่ทางโฆษกผังล้มเจ้า "ไก่อู" พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่ออกมาแถลงเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุว่าเป็นกลุ่มอำนาจเก่า ขานรับกับบรรดา คสช. ที่ฉวยโอกาสตีข่าวในทำนองเดียวกัน คือ พฐ. ยังตรวจที่เกิดเหตุไม่เสร็จเลย แต่ไอ้พวกนี้ฟันธงได้แล้ว โยนขี้ให้ฝ่ายตรงข้ามมันซะเลย ยิงปืนนัดเดียว ได้นก 2 ตัว
ตัวแรก ใส่ร้ายกลุ่มอำนาจเก่า ผู้เสียผลประโยชน์จากการรัฐประหาร ไม่ต้องบอกก็รู้กันนะว่าพวกไหน รัฐประหารทุกครั้ง มันต้องซ้ำให้ตายทางการเมืองด้วยวิธีต่าง ๆ อยู่แล้ว แบบลูกผู้ชายตัวจริง
ส่วนนกตัวที่สอง เพื่อเบี่ยงเบน ปกปิดประเด็นที่สื่อทั้งไทยเทศ ตั้งข้อสังเกตุการส่งตัวชาวอุยกูร์ ให้ประเทศจีน จะทำให้เกิดประเด็นความขัดแย้ง ซึ่งก่อนหน้าก็มีการบุกทำลายสถานทูตไทยในตุรกีมาแล้ว อยากเอาใจพี่ใหญ่เผด็จการอย่างจีน(เรื่องศาสนา เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ต้องรีบร้อน) เป็นการบริหารบ้านเมืองที่ผิดพลาดจนยากจะยอมรับได้ แต่ก็นะ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยผิดอยู่แล้ว ทั้งเรือเหาะ GT200 ฯลฯ
การทำงานของตำรวจนั้นไม่ใช่ทำงานด้วยปาก ต้องว่ากันที่พยานหลักฐาน นิติวิทยาศาสตร์ จะเห็นได้ว่า พอชี้นำกันมาตั้งแต่เกิดเหตุ ทาง ตร. เลยพูดอะไรไม่ได้เต็มปาก ต้องระวังเพราะเกรงจะไปขัดกับคำพูดของขาใหญ่ ไม่รู้ว่าการตั้งธงผิดตั้งแต่ต้น จะทำให้กดดันการทำงาน จนรูปคดีเสียหายไปมากน้อยแค่ไหน เหตุการณ์นี้คงพอเป็นอุทาหรณ์ได้บ้าง อะไรที่ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัด ก็อย่าเข้ายุ่มย่าม ปล่อยให้คนที่มีหน้าที่เขาได้ทำไป เข้าใจนะ
ปล. ขอบคุณภาพจาก VoiceTV ดูข่าวที่เกี่ยวข้อง(คลิ๊ก)
โดยมีพยานหลักฐานต่าง ๆ ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และการออกหมายจับ รวมทั้งเส้นทางการเงิน เส้นทางหลบหนี ฯลฯ จึงไม่อาจปฏิเสธเป็นอื่น หรือจะตะแบงให้เป็นเหตุอื่นไปได้
ซึ่งผิดกับที่ทางโฆษกผังล้มเจ้า "ไก่อู" พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่ออกมาแถลงเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุว่าเป็นกลุ่มอำนาจเก่า ขานรับกับบรรดา คสช. ที่ฉวยโอกาสตีข่าวในทำนองเดียวกัน คือ พฐ. ยังตรวจที่เกิดเหตุไม่เสร็จเลย แต่ไอ้พวกนี้ฟันธงได้แล้ว โยนขี้ให้ฝ่ายตรงข้ามมันซะเลย ยิงปืนนัดเดียว ได้นก 2 ตัว
ตัวแรก ใส่ร้ายกลุ่มอำนาจเก่า ผู้เสียผลประโยชน์จากการรัฐประหาร ไม่ต้องบอกก็รู้กันนะว่าพวกไหน รัฐประหารทุกครั้ง มันต้องซ้ำให้ตายทางการเมืองด้วยวิธีต่าง ๆ อยู่แล้ว แบบลูกผู้ชายตัวจริง
ส่วนนกตัวที่สอง เพื่อเบี่ยงเบน ปกปิดประเด็นที่สื่อทั้งไทยเทศ ตั้งข้อสังเกตุการส่งตัวชาวอุยกูร์ ให้ประเทศจีน จะทำให้เกิดประเด็นความขัดแย้ง ซึ่งก่อนหน้าก็มีการบุกทำลายสถานทูตไทยในตุรกีมาแล้ว อยากเอาใจพี่ใหญ่เผด็จการอย่างจีน(เรื่องศาสนา เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ต้องรีบร้อน) เป็นการบริหารบ้านเมืองที่ผิดพลาดจนยากจะยอมรับได้ แต่ก็นะ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยผิดอยู่แล้ว ทั้งเรือเหาะ GT200 ฯลฯ
การทำงานของตำรวจนั้นไม่ใช่ทำงานด้วยปาก ต้องว่ากันที่พยานหลักฐาน นิติวิทยาศาสตร์ จะเห็นได้ว่า พอชี้นำกันมาตั้งแต่เกิดเหตุ ทาง ตร. เลยพูดอะไรไม่ได้เต็มปาก ต้องระวังเพราะเกรงจะไปขัดกับคำพูดของขาใหญ่ ไม่รู้ว่าการตั้งธงผิดตั้งแต่ต้น จะทำให้กดดันการทำงาน จนรูปคดีเสียหายไปมากน้อยแค่ไหน เหตุการณ์นี้คงพอเป็นอุทาหรณ์ได้บ้าง อะไรที่ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัด ก็อย่าเข้ายุ่มย่าม ปล่อยให้คนที่มีหน้าที่เขาได้ทำไป เข้าใจนะ
ปล. ขอบคุณภาพจาก VoiceTV ดูข่าวที่เกี่ยวข้อง(คลิ๊ก)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น