เนื่องจากที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปวีณฯ ได้ทำการสืบสวนสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จนสามารถออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ถึง 153 หมาย และเมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้ต้องหา 88 คน ซึ่งมีทั้ง จนท. รัฐระดับสูง นักการเมืองท้องถิ่น และนักธุรกิจถูกนำตัวขึ้นไต่สวนในศาล
แต่แล้วกระบวนการสืบสวนของ พล.ต.ต.ปวีณฯ ต้องหยุดลง โดยตัวเขาถูกย้ายไปประจำในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนใต้ และทีมสืบสวนก็ถูกยุบไปหลังปฏิบัติการได้เพียง 5 เดือน ซึ่งภารกิจยังคงมีเหลืออีกมาก เมื่อถูกถามว่าใครอยู่เบื้องหลังการขัดขวางกระบวนการทำงานในครั้งนี้ พล.ต.ต.ปวีณ ไม่ระบุชื่อของผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ยืนยันว่า มีผู้มีอำนาจและ จนท.รัฐระดับสูงพัวพันกับแก๊งค้ามนุษย์อย่างแน่นอน ทั้งจากตำรวจ กองทัพ กลุ่มนักการเมือง มิเช่นนั้น ค่ายกักกันชาวโรฮีนจา ที่ตั้งอยู่กลางป่า คงไม่สามารถเล็ดลอดสายตาจากจนท.ของรัฐ ไปได้
พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร.ระบุว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กรณี พล.ต.ต.ปวีณฯ ขอลี้ภัยทางการเมืองต่อออสเตรเลีย เนื่องจากเกรงว่าจะมีอันตรายจากขบวนการค้ามนุษย์ และมีผู้อำนาจรัฐอยู่เบื้องหลังเห็นว่าเป็นสิทธิที่ พล.ต.ต.ปวีณฯ สามารถทำได้ ซึ่งท่านได้ลาออกจากราชการไปแล้ว แต่หากมีการติดต่อมา ทาง ตร.ก็ยินดีที่จะพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง อันเนื่องมาจากการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลที่ผ่านมา รวมทั้งข่าวที่ผู้ต้องหาระดับพลโททหารบก และเครือข่ายนักการเมืองภาคใต้ หมายหัว พล.ต.ต.ปวีณฯ จนถึงกับต้องลาออกและขอลี้ภัยดังกล่าว คงต้องรอดูผลการดำเนินคดีกับเครือข่ายค้ามนุษย์โรฮีนจา ว่าทางคดีจะสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้หรือไม่ อย่างไร
เครือข่ายค้ามนุษย์ที่ฝังรากลึกในอุตสาหกรรมประมงไทยมายาวนาน รวมทั้งการค้ามนุษย์โดยส่งต่อไปประเทศที่สาม สร้างรายได้มหาศาลให้กับผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจนี้มากมาย จนมีอิทธิพลและอำนาจเงิน ร่ำรวยอู้ฟู่ไปตาม ๆ กัน ถ้าเอาผิดไม่ได้ ลงโทษไม่ได้ ทีมงานที่เหลือก็เตรียมหนีตาม พล.ต.ต.ปวีณฯ ได้เลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น