การแต่งตั้งตำรวจนั้น มีความพยายามมานานที่จะนำเอา "ระบบคุณธรรม" มาใช้ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในชีวิตราชการที่ไม่ต้องวิ่งเต้น เข้าหานาย ไม่ต้องแสวงหาผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ เรียกว่าเอาผลการปฏิบัติงานเป็นตัวตั้ง ในส่วนของหัวหน้าสถานีตำรวจก็เคยมีรางวัลโรงพักเพื่อประชาชน ในแต่ละ บช. แต่ก็มายกเลิกในยุคเผด็จการทหาร คสช. นี่แหละ(ไหนบอกว่าเป็นพวกคนดีไง) ในส่วนของพนักงานสอบสวนซึ่งเขาทำกันมาเป็นสิบปี นั่นคือการเลื่อนไหล จากรองสารวัตร สามารถไปถึง ผู้บังคับการ ด้วยการประเมิน อบรม และสอบแข่งขัน ถ้าใครอยากก้าวหน้าในเส้นทางนี้ ก็พัฒนาตนเองไปให้สุดได้
แม้ตัวระบบเลื่อนไหลเอง จะยังไม่ได้ดีเต็มร้อย แต่ก็ยังทำให้สายงานหนึ่งเห็นความก้าวหน้าในชีวิตราชการของตนเองอย่างค่อนข้างแน่นอน แน่นอนว่ามีข้อโต้แย้งมากมายของระบบเลื่อนไหล ที่มาตรฐานของผู้ผ่านสถาบันส่งเสริมงานสอบสวน ไม่เป็นอย่างที่สังคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติคาดหวัง
เมื่อปลายปีที่แล้ว มีการสัมนาของหัวหน้าสถานี และหัวหน้างานสอบสวนทั่วประเทศ ที่ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา และคณะทำงานได้ศึกษาการแก้ไขปัญหางานสอบสวน และแนวทางการแก้ไขบางส่วนเอาไว้ก่อนท่านเกษียณอายุราชการ นอกจากจะไม่เอามาดูและใช้งานแล้ว ยังออกคำสั่งที่น่าจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้อีก อาทิ
ปัญหาการวิ่งเต้นเลื่อนระดับจะกลับมา เมื่อการแต่งตั้งเลื่อนระดับอยู่ในมือของผู้บังคับบัญชา ก็จะกลับสู่วงจรเดิม คือระบบอุปถัมภ์ ที่ก้าวหน้าด้วย ความเหมาะสม เป็นหลัก ซึ่งก็รู้ ๆ กันอยู่
ปัญหาสมองไหล เมื่อไม่ก้าวหน้าในชีวิตราชการ ระบบคุณธรรมไม่มี แน่นอนว่า พงส. จำนวนไม่น้อย คงจะกระโดดเข้าสู่ ระบบอุปถัมภ์ ดังเช่นในอดีต แม้ว่าจะมีเงินประจำตำแหน่งมาล่อก็ตาม
ปัญหาด้านขวัญและกำลังใจ ถ้าออกนอกสายไม่ได้ ถนัดหรือชอบงานสอบสวน ก็คงจะอยู่ไปวัน ๆ ไม่รู้จะพัฒนาตนเองไปเพื่ออะไร เหมือนได้ซอมบี้มาเป็นพนักงานสอบสวน
ปัญหาด้านคุณภาพของเนื้องาน จากปัญหาข้างต้นมันจะมารวมและสะท้อนในคุณภาพของงานสอบสวน ความพึงพอใจของประชาชนที่ใช้บริการ ฯลฯ ถ้า ผบ.ตร. จะด่าใคร ก็กรุณาไปยืนหน้ากระจก แล้วด่าได้เลยครับ
ระดับ สบ.4 - สบ.5 ที่เอาไป "ดอง" ตาม บช. และ บก. ต่าง ๆ นั้น มันจะสร้างบาดแผลให้เขาแน่ เพราะเขาก้าวหน้า ฝ่าฟันมาได้ด้วยตัวเอง แต่เจ้านายมาทำกับเขาแบบนี้ ตาม นโยบาย 6 ข้อ ของ ผบ.ตร. ผมจำได้ว่า ข้อ 6. คือ ส่งเสริมความสามัคคี และบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ แต่สิ่งที่ทำนี่ดูเหมือนจะไม่เข้าข่ายนั้นแน่ ๆ
ดูแล้วปัญหานี้ กว่าจะได้รับการแก้ไข คงเป็นช่วงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่จะต้องมาสางปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับพนักงานสอบสวน แต่คงต้องรอไปถึงปี 61 เป็นอย่างน้อย(ตามโรดแมพ ที่ยืดขยายได้ตามใจ) ชื่อของผู้เกี่ยวข้อง จะถูกจดจำในฐานะ บุคคลที่ทำร้ายผู้ใต้บังคับบัญชา และจะถูกเล่าขานเป็นตำนานแน่นอน
สรุปการแต่งตั้งรอบนี้ ยังคงยืดออกไปได้อีก เพื่อแก้ไขปัญหา สบ.4 และ สบ.5 รวมทั้งพวกที่ต้องเยียวยา จากความไม่ชอบธรรมในการแต่งตั้งรอบที่แล้ว คือ นอกจากตัวปัญหา ตัวต้นเหตุ ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองแล้ว ยังลามไปจัดการพนักงานสอบสวนเพิ่มอีก เยี่ยมจิง ๆ สัส สำนักงานตำรวจแห่งชาติวุ่นวายเพราะนายพลนี่เอง...
ดูแล้วปัญหานี้ กว่าจะได้รับการแก้ไข คงเป็นช่วงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่จะต้องมาสางปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับพนักงานสอบสวน แต่คงต้องรอไปถึงปี 61 เป็นอย่างน้อย(ตามโรดแมพ ที่ยืดขยายได้ตามใจ) ชื่อของผู้เกี่ยวข้อง จะถูกจดจำในฐานะ บุคคลที่ทำร้ายผู้ใต้บังคับบัญชา และจะถูกเล่าขานเป็นตำนานแน่นอน
สรุปการแต่งตั้งรอบนี้ ยังคงยืดออกไปได้อีก เพื่อแก้ไขปัญหา สบ.4 และ สบ.5 รวมทั้งพวกที่ต้องเยียวยา จากความไม่ชอบธรรมในการแต่งตั้งรอบที่แล้ว คือ นอกจากตัวปัญหา ตัวต้นเหตุ ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองแล้ว ยังลามไปจัดการพนักงานสอบสวนเพิ่มอีก เยี่ยมจิง ๆ สัส สำนักงานตำรวจแห่งชาติวุ่นวายเพราะนายพลนี่เอง...
ปล. ไม่ได้เข้าข้างพนักงานสอบสวนนะครับ หลายเรื่อง พงส. ก็ทำไม่ถูก ไปดูวิธีแก้ไขปัญหากันในคราวหน้า โง่ ๆ อย่างผมยังคิดได้เลย 555
กรรม
ตอบลบ