จากกรณีที่ ส.ต.ต.ไพสิฎฐ์ อ่อนสองชั้น ผบ.หมู่ งาน ป. สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้ใช้อาวุธปืนยิง นายอัสนีชัยพล เจริญวินิจ เสียชีวิต โดยอ้างว่าเป็นการป้องกันตัวจากนายอัสนีชัยพลฯ ผู้ตาย ที่ถือมีดวิ่งเข้ามาจะทำร้าย และคุ้มครองของกลางยาไอซ์ น้ำหนัก 14 กิโลกรัม มูลค่า 28 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2558
ต่อมาในเดือนตุลาคม 2559 นี้ ศาลได้ตัดสินว่าเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ จำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ทำให้ตัวของ ส.ต.ท.ไพสิฎฐ์ฯ และครอบครัว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวน เพิ่งจบมาทำงาน ได้รับความเดือดร้อน เพราะต้องต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ และฎีกา
ซึ่งจากคำตัดสินก็จะเห็นได้ว่ามาตรฐานของการป้องกันตัวของตำรวจไทยนี่มันช่างต่ำเสียจริง ๆ ถ้ามีคนถือมีดวิ่งเข้าใส่จะให้เราทำอย่างไร วิ่งหนี หรือใช้มือเปล่าปัดป้อง(มึงเป็นบรูซลีเรอะ) ยิ่งถ้าเทียบกับมาตรฐานตำรวจในอเมริกา หรือยุโรปแล้ว ไม่ต้องรอให้วิ่งเข้ามาในระยะจ้วงแทงหรอกครับ แค่มีท่าทีคุกคามตำรวจก็สามารถใช้อาวุธปืนได้แล้ว เพราะชีวิตเจ้าหน้าที่นั้นมีค่ากว่าอาชญากร กว่าจะฝึกมาได้คนหนึ่งต้องใช้งบประมาณมากมาย
ในสถานการณ์ซึ่งหน้าแบบนั้น ไม่มีใครที่จะสามารถคิดวิเคราะห์หาทางระงับเหตุแบบไม่ให้สูญเสียได้หรอก แล้วมีดนั้นจะได้เปรียบมาก ๆ เมื่ออยู่ในระยะใกล้กว่า 5 เมตร เพราะแม้จะมีปืนอยู่ที่เอว ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถชักออกมาได้ทันการณ์ มาดูคลิปจำลองสถานการณ์กันดีกว่าครับ
มาดูมุมมองของอีกท่าน คือคุณ Pongbol Iemvicharana เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
ของอย่างนี้ ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกครับ มันก็แปลกนะครับ ตำรวจไทยจะใช้อาวุธปืนป้องกันตัวได้ก็ต่อเมื่อ คนร้ายยิงมาก่อนเท่านั้น ! บ้าไปแล้ว ! ไปเอามาตรฐานผิด ๆ นี้มาจากไหน แบบนี้เท่ากับให้คนร้ายมีแต้มต่อ และความสูญเสียของเจ้าหน้าที่ก็มีไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นหรือครับ ? จะเอากันอย่างนั้นหรือ ? มีเสียงบ่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาว่า "ปืนก็ปืนกู กูซื้อเอง กระสุนก็ซื้อเอง มาทำงานเสี่ยงภัย ไม่มีเสื้อเกราะให้ แล้วต้องมาติดคุกกับกรณีอย่างนี้หรือ ..... อวัยวะเพศชาย!! "
สำหรับท่านที่ต้องการจะช่วยเหลือ สิบตำรวจโทไพสิฐฯ สามารถโอนเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีได้ที่
ธนาคารกรุงไทย ออมทรัพย์ สาขาเทศบาลรังสิต
เลขบัญชี 9819398665
ชื่อบัญชี ส.ต.ท.ไพสิฐ อ่อนสองชั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น