โครงการตำรวจจราจรในพระราชดำริ

ขอบันทึกภาพประทับใจของพี่น้อง ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ  ที่ได้ถวายงานแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559   ในการนำขบวนเชิญพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ  จากโรงพยาบาลศิริราช สู่พระบรมมหาราชวัง

     ซึ่งตลอดสองข้างทางนั้น ได้มีพี่น้องประชาชน พสกนิกรจำนวนมากมารอถวายความจงรักภักดี  รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายหน่วยในการปฏิบัติหน้าที่ในห้วงเวลาดังกล่าว

     มาดูประวัติของตำรวจจราจรในพระราชดำริ กันครับ ว่ามีที่มาอย่างไร  ท่านจะได้ทราบซึ้งถึงน้ำพระทัยของพ่อหลวงแห่งปวงชนชาวไทย


โครงการตำรวจจราจรในพระราชดำริ

         จุดเริ่มต้นของโครงการนี้เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร จึงทรงมีพระราชดำริที่จะแก้ไขปัญหาให้ทุเลาลงด้วยการพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 8 ล้านบาท ให้กรมตำรวจ (ในขณะนั้น) นำไปซื้อรถจักรยานยนต์เป็น "หน่วยเคลื่อนที่เร็ว" ทำหน้าที่ "สายตรวจจราจร" รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการซื้อวิทยุสื่อสาร ค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ

ในการนี้พระองค์ได้พระราชทานแนวทางการปฏิบัติในโครงการนี้ 5 ประการ คือ
  1. แสวงหาแนวทางให้ผู้ใช้รถใช้ถนน เคารพกฎจราจร และมีมารยาท
  2. ใช้รถจักรยานยนต์ เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วแก้ปัญหาจุดที่รถติด เสมือน "รถนำขบวน" โดยรถจักรยานยนต์จะเข้าไปแก้ไขปัญหาทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ไปได้
  3. ใช้รถจักรยานยนต์ดูแลการจราจรบนถนน ให้รถเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ตามความเหมาะสม
  4. ถนนที่เป็น "คอขวด" ให้รถจักรยานยนต์เข้าไปแก้ไขให้เคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ เสมือนเทน้ำออกจากขวด
  5. ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการจราจร

         โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2536 โดย พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมตำรวจ และ พล.ต.ท.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ ผบช.น. (ทั้งหมดคือยศและตำแหน่งในขณะนั้น) สนองพระราชดำริทันที โดยการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) จำนวน 150 นาย เข้ารับการอบรมความรู้เพิ่มเติมด้านการจราจรตามพระราชดำริ รวมทั้งการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการประชาสัมพันธ์

         กระทั่งวันที่ 6 กันยายน 2536 กรมตำรวจ (ในขณะนั้น) ได้ทำพิธีปล่อยแถวตำรวจจราจรตามโครงการพระราชดำริออกปฏิบัติหน้าที่เป็นครั้งแรกบนถนนพหลโยธินและวิภาวดีรังสิต โดยใช้รถจักรยานยนต์ที่มีอยู่จัดเป็นกองร้อยพิเศษเคลื่อนที่เร็ว และใช้กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ถ.ศรีอยุธยา (ปัจจุบัน บช.น. ย้ายมาตั้งอยู่ที่วังปารุสกวัน) เป็นสถานที่ตั้งโครงการ

         จากนั้นมีการขยายผลการปฏิบัติออกไปยัง ถ.พญาไท ถึงสี่แยกปทุมวัน ถ.พระราม 1 ถึงสี่แยกราชประสงค์ ถ.ราชดำริถึงสี่แยกประตูน้ำ ถ.ราชปรารภถึงสามแยกดินแดง และ ถ.ราชดำเนิน-สะพานพระปิ่นเกล้าไปจนถึงหน้า สน.ตลิ่งชัน แต่ด้วยสภาพปัญหาการจราจรใน กทม. ที่มักมีน้ำท่วมขังหลังฝนตก ทำให้เครื่องยนต์ขัดข้อง รถยนต์วิ่งไม่ได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานทรัพย์เพิ่มอีก 1 ล้านบาท ให้กองบังคับการตำรวจดับเพลิง (บก.ดพ.) นำไปซื้อรถยนต์และเครื่องสูบน้ำขนาดเล็กเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพื่อสูบน้ำท่วมขังตามจุดต่างๆ

         กระทั่งวันที่ 25 มกราคม 2537 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.เทียนชัย จั่นมุกดา รองสมุหราชองครักษ์ นำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 10 ล้านบาท ไปมอบให้เพิ่มเติม โดยอนุมัติแต่งตั้ง พล.ต.ท.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ เป็นผู้อำนวยการโครงการพระราชดำริ นอกจากนี้ ยังพระราชทานรถจักรยานยนต์อีก 10 คัน และคูปองน้ำมันอีก 1 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทุกกรณี ตลอดจนนำหญิงใกล้คลอดส่งโรงพยาบาลโดยเร่งด่วน

         กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในฐานะผู้รับสนองพระราชดำริ ได้จัด "สายตรวจจราจร" ปฏิบัติหน้าที่ตามโครงการ และเพื่อให้การปฏิบัติตามแนวพระราชดำริมีความเหมาะสม และมีเอกภาพ ในการบังคับบัญชา จึงอนุมัติให้จัดตั้งกองกำกับการฝ่ายปฏิบัติการจราจรขึ้นตรงกับกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ภายหลังมีการปรับโครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น กก.6 (ปฏิบัติการพิเศษ จราจร) บก.จร. โดยมีอัตรากำลังพล 329 นาย มีรถยนต์ 11 คัน รถจักรยานยนต์ 211 คัน

         ตำรวจจราจรในพระราชดำริได้รับการฝึกอบรมในเรื่องการทำคลอดฉุกเฉิน , การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการซ่อมรถเบื้องต้น  เพื่อให้บริการประชาชนในสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน  ไม่สามารถรับความช่วยเหลือทางอื่นใดได้ โดยที่ผ่านมา ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริปฏิบัติหน้าที่และทำการช่วยเหลือ ทั้งทำคลอดและนำหญิงใกล้คลอดส่งโรงพยาบาลกว่า 60 ราย นำผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลกว่า 100 ราย รวมถึงการช่วยเหลือเกี่ยวกับรถยนต์อีกเกือบ 300 ครั้ง 

ขอบคุณที่มา http://www.xn--12co9drbac8a9as5aiidh8isei1npa.com/content/index.php?page=content&type=view&cat=110&id=372






     แนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรในพระราชดำริ จะไม่เน้นการจับกุมผู้กระทำผิด กม.จราจร หรือออกใบสั่ง หากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะเรียกตักเตือน นอกเสียจากการเข้าระงับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นซึ่งหน้า  





          การทำงานของตำรวจจราจรในโครงการพระราชดำริ แบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่  
  1. โซนเหนือ ได้แก่พื้นที่ ดินแดง มะกะสัน พญาไท เพชรบุรี แยกพระรามเก้า และรามคำแหง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจช่างประจำอยู่ 7 นาย 
  2. โซนใต้ ได้แก่พื้นที่ ถนนพระราม 1 และถนนพระราม4 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจช่างประจำอยู่ 4 นาย
  3. โซนฝั่งธนบุรี ได้แก่พื้นที่ แยกบางพลัด ถนนสิรินธร ถนนบรมราชชนนี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจช่างประจำอยู่ 4 นาย  
     หากประชาชนมีปัญหาเร่งด่วนมีผู้ป่วยหรือคนท้องแก่ต้องการไปโรงพยาบาลในเวลาเร่งด่วน หรือรถจอดเสียต้องการความช่วยเหลือ แจ้งไปได้ที่สายด่วนบก. 02 หมายเลข 1197 หรือเบอร์โทรของโครงการ หมายเลข 02-354-6324  ตำรวจจราจรในพระราชดำริ ยินดีรับใช้ครับ

เยี่ยมชมและให้กำลังใจการทำงานของ ตำรวจจราจรในโครงการพระราชดำริ ได้ที่ เฟซบุ๊คตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ(คลิ๊ก)  

ความคิดเห็น

  1. ชื่นชมมากๆครับ จร.พระราชดำริ
    มีระบบไลน์พอติดต่อ จนท.ไหมครับเผื่อพบเหตุจะได้แจ้งลงให้ทราบครับ

    ตอบลบ
  2. อยากสมัคร เป็นตำรวจโครงการพระราชดำริ ทำได้ยังไง ครับ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น