นายกฯ บุกเยี่ยมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ !

วันนี้(7 ธ.ค. 59)  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และ รมว.กห. ร่วมประชุมหารือการปฏิรูปองค์กรตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า "ผมมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็อย่าคิดว่ามันมีปัญหาอะไร ผมต้องไปโนนนี่ไม่ใช่ ผมไปไหนก็ได้ในแผ่นดินนี้ไป เมื่อไหร่ก็ได้ จริงๆแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมได้มอบหมายให้รองรัฐมนตรีดูแล และผมก็ดูแลกับท่านมาด้วยไม่ใช่ผมปล่อยทิ้งทุกอย่างไปเลย ไม่ใช่  ทุกอย่างผมต้องไปขออนุมัติทั้งสิ้นอยู่แล้ว  ในการทำงานปรึกษาหารือกันตลอดโดยเฉพาะกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ วันนี้มาหารือเรื่องการปฎิรูปตำรวจ ตามแผนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรับฟังความคิดเห็น สรุปออกมา ไม่ว่าเรื่องที่พักอาศัย การปรับย้ายตำแหน่ง ระบบมาตรฐานตำรวจ  ทั้งตำรวจสืบสวน และตำรวจป้องกันปราบปราม ในการเจริญเติบ เป็นหัวหน้าหน่วยมันต้องชัดเจนขึ้นความเจริญมาตรฐานของรายได้ต่าง ๆ เพื่อให้มีความเป็นอยู่ได้อย่างพอเพียง ด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรี  การกำหนดค่าตอบแทน ตามสัดส่วนของข้าราชการทั้งหมด รวมถึงภาระกิจพิเศษ ขึ้นมาดูแลเขาอย่างไร ต้องดูถึงพลเรือน และทหาร ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เรามีอยู่ ถ้าเรามีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปฏิรูปเศรษฐกิจ เราจะเพิ่มเติมตรงนี้ให้"

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า "ที่สำคัญของศักดิ์ศรีของตำรวจ คือการให้เขามี ที่อยู่อาศัย อาวุธปืน  วิทยุ ทุกอย่างตำรวจหาเองหมด มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง คลังอาวุธมีไหม เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องทำ รัฐบาลนี้ไม่มุ่งหวังที่จะทำให้ตำรวจอ่อนแอลง ต้องการให้ตำรวจมีความเข้มแข็งให้มากที่สุด เพราะหน้าที่ตำรวจ คือผู้รักษาความสงบ ภายในรวมทั่งตำรวจนครบาล และ ตำรวจภูธร ส่วนตำรวจ ตระเวนชายแดน ดูแลชายแดนควบคู่กันกับทหาร  ทั้งหมดเป็นงานของตำรวจ ที่ต้องชัดเจนขึ้น ฝากถึงสื่ออย่าพึ่งไปตำหนิติเตียนกันมากนักเลย  เพราะปัญหาทุกอย่างมันเกิดขึ้นเมื่อในอดีต วันนี้ต้อง ทำให้ปัญหานั้นลดเบาบางลงไป และไม่ให้เกิดขึ้นอีก การทุจริตผิดกฎหมาย ต้องกลับมาดูว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร แก้ปัญหาด้วยอะไร และเรื่องการสอบสวน ต้องกลับมาทบทวน ดูว่าจะมีปัญหาอะไร ตรงไหน จะแก้ไขได้อย่างไร เป็นการสร้างความสมดุล ระหว่างตำรวจ ศาล อัยการ ทั้งหมดนี้ซึ่งเรากำลังทำอยู่  เป็นไปตามที่ได้กำหนดไว้ การทำกิจกรรมทุกอย่างเราต้องกำหนดวางไว้ในระยะ 1-2-3 ให้ได้ ภายใน 1 ปีที่เหลืออยู่ คือปี 60 จากนั้นงบประมาณปี 61 ถึงปี 64  นี่คือหน้าแรกปฏิรูปของรัฐบาลนี้  คือยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปีแรก 60 ถึง 64 จากนั้นก็ไป 65 ถึง 69 ตำรวจเขาจะพัฒนาไปตามนี้ ให้พิจารณาปัจจัยภายนอกด้วยและการเจริญเติบโตของโลกภายนอก"

     "ในเรื่องของสงคราม เรื่องของปัญหาเรื่องไซเบอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ไป เพื่อการพัฒนา ส่วนเรื่องของ  สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะเรื่องระบบการตรวจจับ และการใช้เครื่องมือ ซึ่งทางรัฐบาลได้จัดหา เครื่องมือยุทโธปกรณ์ ลำดับแรกคือรถจักรยานยนต์ ให้กับตำรวจสายตรวจ ให้โปร่งใสรัดกุมขึ้น และการติดตั้วกล้อง cctv ซึ่งติดทั่ว กทม.แล้ว ปัญหาขึ้นอยู่ที่การบูรณาการ ในการใช้ระบบให้สอดคล้องกันให้ได้ ในส่วนของสำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง เรื่องของการจัดซื้อ อุปกรณ์ที่ทันสมัยตรวจจับใบหน้า และ ลายนิ้วมือ เพื่อให้สอดคล้องกับอนาคต เราเข้าใจถึงการเจริญเติบโตของโลกภายนอก เพราะการเดืนทางเข้าไปมาหาสู่ อาจจะมีทั้งคนดีและคนไม่ดี เราต้องเตรียมมาตรการรองรับไว้ล่วงหน้า ทุกอย่างมันแก้ทีเดียวไม่ได้ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆไป เรามีเวลาเพราะว่างบประมาณมีจำกัด ถ้าใจร้อนจะแก้ผิดวิธีทั้งหมด เราต้องเห็นใจตำรวจ ที่เหน็ดเหนื่อยทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง อารมณ์เสียก็ไม่ได้ ผมบอกให้ตำรวจใจเย็นๆยิ้มแย้มแจ่มใส สิ่งที่จะช่วยเขาได้"

     "ผมจะดูแลทุกข์สุข ให้เขาได้มากที่สุด จะได้ไม่มีอารมณ์เสีย เวลาไปเผชิญกับความร้อน และแรงกดดันข้างนอก นี่คือสิ่งที่เราต้องช่วยกัน สื่อไม่ต้องมากดดันมาก  มันทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด คนเดือดร้อนก็คือประชาชน ฉะนั้นตำรวจต้องเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ตำรวจจะต้องเป็นหลัก ทำให้บ้านเมืองสงบสุข นั้นคือยุทธศาสตร์พระราชา"





     เหยด.... บอกเลยว่าพูดได้โดนใจมากทั่นนายกฯ   ถ้าทำได้จริงตามที่กล่าวไว้นั้น  จะถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นครั้งใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลยทีเดียว  จากที่ได้กล่าวมานั้น ถือได้ว่าท่านได้รับรู้ข้อมูลความทุกข์ยากของพี่น้องตำรวจอย่างแท้จริง  ที่ต้องซื้ออุปกรณ์ทำงานเองหลายอย่าง  ต้องให้ตำรวจอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี  มีอุปกรณ์การทำงานที่ทันสมัย

     ส่วนการปฏิรูปตำรวจนั้น(นึกว่าลืมไปแล้ว)  ท่านก็อย่าไปฟังพวกสภาสอพลอให้มากนัก  ฟังผู้ปฏิบัติในทุกระดับ โดยเฉพาะสถานีตำรวจ  ว่าเขาอยู่กันอย่างไร  ขาดแคลนอะไร  สามารถทำตามนโยบายโดยงบประมาณที่มีได้หรือไม่ ฯลฯ  เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผมเอาใจช่วยนายกฯ นะครับ  แผลบ ๆ


ความคิดเห็น