พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ตำรวจทั่วประเทศปรับปรุง ยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ เพื่อให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มากยิ่งขึ้น ตามนโยบายปฏิรูปตำรวจ โดยให้ผู้บังคับบัญชาระดับกองบังคับการ และกองบัญชาการ ลงตรวจสอบการปฏิบัติงานและประเมินผล หากไม่สามารถปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพตามแนวทาง ให้พิจารณาย้ายไปอยู่ในที่ที่ไม่สัมผัสกับประชาชน
โดยมีเอกสาร "แนวทางการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ" เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศได้ใช้เป็นแนวทางร่วมกัน เพื่อปรับเปลี่ยนตั้งแต่บุคลิกภาพส่วนตัว และการปฏิบัติต่อประชาชนในโอกาสต่าง ๆ ดังนี้
ด้าน พล.ต.อ. รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร.หัวหน้าคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ กล่าวว่า "งานยกระดับบริการประชาชนของสถานีตำรวจ ต้องเริ่มที่บุคลิกภาพตำรวจทั้งในและนอกสถานีตำรวจ ต้องยิ้มแย้มแสดงออกถึงความใส่ใจ กระตือรือร้น ไม่แสดงกิริยาข่มเหงประชาชน เน้นบริการเบ็ดเสร็จในจุดเดียว ตำรวจต้องไปพบประชาชน สร้างความใกล้ชิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม ที่ผ่านมาบอกประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่ตำรวจโรงพักไม่เคยเข้าหาประชาชน ทำให้ไม่มีทางได้ใจคนมาช่วยงาน งานที่สั่งไปไม่ใช่เพิ่มงานแต่เป็นงานในหน้าที่ สายตรวจไม่ใช่แค่ลงชื่อตู้แดง ต้องพูดคุยทำความรู้จักกับประชาชน หากตำรวจทุกนายช่วยกันทำจะได้แนวร่วมภาคประชาชนเพิ่มขึ้นอีกมาก ส่วนผู้บังคับบัญชาจะต้องไม่คิดโครงการอะไรเยอะ โดยเฉพาะงานที่ไม่ใช่หน้าที่ ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ยุคปัจจุบันตำรวจต้องเปลี่ยนแปลงวิธีทำงาน สนใจสังคม คำนึงข้อกฎหมายและสิทธิมนุษยชน"
อันนี้โดนใจมากครับ เน้นสีแดงให้เลย สำหรับ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ฯ นั้น เป็นเจ้านายที่เข้าใจตำรวจโรงพักเป็นอย่างดี เพราะเคยเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจมาก่อน ผิดกับนายบางคนที่ไม่เคยอยู่โรงพัก ขยันคิด ขยันสั่งอะไรต่อมิอะไรที่มันเพิ่ม "ภาระ" ให้กับตำรวจโรงพัก กลายเป็นว่าแทนที่จะใช้คนไปออกตรวจมาก ๆ กลับต้องลดสายตรวจ เพิ่มงานธุรการให้พอต่อปริมาณงานที่ถาโถมเข้ามา หรือการสั่งการ นโยบายบางอย่าง ให้โรงพักไปหางบประมาณเอาเอง แต่ต้องรายงานผลการฏิบัติให้เรียบร้อย อย่างนี้แหละครับคือเจ้านายที่เป็นภาระกับลูกน้อง ก็ลองทบทวนตัวเองดูบ้างก็ดีนะครับเจ้านาย
โดยมีเอกสาร "แนวทางการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ" เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศได้ใช้เป็นแนวทางร่วมกัน เพื่อปรับเปลี่ยนตั้งแต่บุคลิกภาพส่วนตัว และการปฏิบัติต่อประชาชนในโอกาสต่าง ๆ ดังนี้
ด้าน พล.ต.อ. รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร.หัวหน้าคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ กล่าวว่า "งานยกระดับบริการประชาชนของสถานีตำรวจ ต้องเริ่มที่บุคลิกภาพตำรวจทั้งในและนอกสถานีตำรวจ ต้องยิ้มแย้มแสดงออกถึงความใส่ใจ กระตือรือร้น ไม่แสดงกิริยาข่มเหงประชาชน เน้นบริการเบ็ดเสร็จในจุดเดียว ตำรวจต้องไปพบประชาชน สร้างความใกล้ชิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม ที่ผ่านมาบอกประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่ตำรวจโรงพักไม่เคยเข้าหาประชาชน ทำให้ไม่มีทางได้ใจคนมาช่วยงาน งานที่สั่งไปไม่ใช่เพิ่มงานแต่เป็นงานในหน้าที่ สายตรวจไม่ใช่แค่ลงชื่อตู้แดง ต้องพูดคุยทำความรู้จักกับประชาชน หากตำรวจทุกนายช่วยกันทำจะได้แนวร่วมภาคประชาชนเพิ่มขึ้นอีกมาก ส่วนผู้บังคับบัญชาจะต้องไม่คิดโครงการอะไรเยอะ โดยเฉพาะงานที่ไม่ใช่หน้าที่ ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ยุคปัจจุบันตำรวจต้องเปลี่ยนแปลงวิธีทำงาน สนใจสังคม คำนึงข้อกฎหมายและสิทธิมนุษยชน"
อันนี้โดนใจมากครับ เน้นสีแดงให้เลย สำหรับ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ฯ นั้น เป็นเจ้านายที่เข้าใจตำรวจโรงพักเป็นอย่างดี เพราะเคยเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจมาก่อน ผิดกับนายบางคนที่ไม่เคยอยู่โรงพัก ขยันคิด ขยันสั่งอะไรต่อมิอะไรที่มันเพิ่ม "ภาระ" ให้กับตำรวจโรงพัก กลายเป็นว่าแทนที่จะใช้คนไปออกตรวจมาก ๆ กลับต้องลดสายตรวจ เพิ่มงานธุรการให้พอต่อปริมาณงานที่ถาโถมเข้ามา หรือการสั่งการ นโยบายบางอย่าง ให้โรงพักไปหางบประมาณเอาเอง แต่ต้องรายงานผลการฏิบัติให้เรียบร้อย อย่างนี้แหละครับคือเจ้านายที่เป็นภาระกับลูกน้อง ก็ลองทบทวนตัวเองดูบ้างก็ดีนะครับเจ้านาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น