ความรู้สึก พงส. ... นี่หรือคือการปฏิรูปตำรวจ


งานสอบสวนถือเป็นหน้างานที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เป็นงานที่คอยบำบัดทุกข์ให้กับผู้ที่เดือดร้อนในทางคดี และต้องมาแจ้งความเพื่อเอาผิดกับคู่กรณี  งานสอบสวนจึงเป็นหน้างานที่สัมผัสกับประชาชนจำนวนมาก ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ    ที่ผ่านมามีการปรับปรุงงานสอบสวนเพื่อให้เกิดเป็นมาตรฐานทางวิชาชีพ  เพื่อให้การบริการประชาชนที่ดีขึ้น  มีทั้งการเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง เพิ่มค่าตอบแทนสำนวนการสอบสวน  และที่สำคัญคือมีการประเมินเลื่อนไหลโดยใช้หลักความรู้ความสามารถ  ไม่ต้องวิ่งเต้น ไม่ต้องเลียเจ้านาย   ถือว่าทำกันมาหลายปี จนมีความมั่นคงในสายงานสอบสวนขึ้นมาระดับหนึ่ง   แม้จะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง  แต่ก็สามารถค่อย ๆ ปรับแก้ไขเพื่อให้ดีขึ้นสำหรับประชาชนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้

     มีการนำเอาระบบกรอกข้อมูลคดีมาใช้ในงาน ตั้งแต่ระบบ Polis มาจนถึง CRIMES ล้วนเป็นความพยายามที่จะกำหนดการควบคุมคุณภาพ  ให้เป็นไปตามกรอบเวลา  ไม่ให้สำนวนค้าง ล่าช้า อันจะนำมาซึ่งความไม่ยุติธรรม

     ระบบการเลื่อนไหลของสายงานก็ทำกันมาจนถึง สบ.5  คือระดับ รอง ผบก. กันแล้ว  แม้จะมีข้อท้วงติงที่ว่า ควรกำหนดปริมาณพนักงานสอบสวนในแต่ละระดับ และให้เลื่อนไหลตามปริมาณ หรือกรอบที่มี  ไม่ควรให้เลื่อนกันไปเรื่อย   ตรงนี้ก็สามารถออกกฎเกณฑ์หรือกรอบมากำหนดเหมือนสายงานอื่นได้   มาถึงตรงนี้คนที่เลือกเส้นทางชีวิตเป็นพนักงานสอบสวน ถือได้ว่าเป็นคนที่รักในสายงานและมีความชำนาญอย่างแท้จริง  มีความมั่นคงในหน้าที่การงานเพราะการย้ายแทบจะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่ได้ร้องขอ  มีความมั่นคงในความก้าวหน้า อย่างน้อยก็ใช้ระบบคุณธรรมอย่างแท้จริง  มีความมั่นคงในด้านเศรษฐกิจจากเงินประจำตำแหน่งและค่าสำนวน   และมีชมรมพนักงานสอบสวน รวมตัวกันเพื่อปรึกษาข้อกฎหมายและการปฏิบัติต่าง ๆ  ทำกันมาปรับปรุงกันมาร่วมสิบปี  จนเริ่มเข้าที่และเป็นระบบ ....

     แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพนักงานสอบสวนในห้วงเวลาแห่งการรัฐประหาร  ที่อ้างกันว่าจะ "ปฏิรูปตำรวจ" นั้น  สิ่งที่ทำคือการใช้อำนาจเหนือกฎหมาย ระเบียบ และเหตุผลทุกอย่าง "ยุบแท่ง" พนักงานสอบสวนทิ้ง  กลับมาใช้ระบบการแต่งตั้งเลื่อนระดับตามความเหมาะสม ที่พิจารณาโดยผู้มีอำนาจ  ประกอบกับการแต่งตั้งโยกย้าย 3-4 วาระในยุคเผด็จการครองเมือง  ดูเหมือนที่อ้างว่าเป็นคนดีจะมาจัดการสิ่งไม่ดีในระบบตำรวจ  แต่กับความจริงที่พี่น้องตำรวจทั่วประเทศต้องพบเจอมันไม่ใช่

     มีการใช้อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ออกคำสั่งเผด็จการให้การแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่ว่าจะเลวทรามขนาดไหน ก็ยังคงถูกต้องตามกฎหมายเผด็จการอยู่ดี  และล่าสุดในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2561 นี้  พวกบนหอคอยงาช้าง เพิ่งจะคิดได้ว่าแต่ละสถานีตำรวจควรมีพนักงานสอบสวนเท่าไหร่   แล้วไอ้ที่ย้ายเละเทะกันมา 3 ปีมานี่มันคืออะไร  ดูแต่ตั๋วหรืออย่างไร  บางคนไม่เคยทำงานสอบสวนก็โดนย้ายมา ผิดฝาผิดตัวกันไปหมด  เงินประจำตำแหน่งก็ไม่ได้  ใบประกอบวิชาชีพก็ไม่มี  มีพลโท พลเอก คนไหนอธิบายได้บ้างวะครับ




    ความซวยก็มาตกอยู่กับผู้ปฏิบัติทั่วประเทศ โดยเฉพาะพนักงานสอบสวน ที่จะต้อง "โดนเกลี่ย" หรือโดนเขี่ยข้าม บช. ไปอยู่ในที่ห่างไกลบ้าน ไกลครอบครัว(กรูผิดอะไร?)  ลูกเมียเขามีอาชีพมีโรงเรียนอยู่แล้ว จะย้ายตามกันไปยังไง  บ้านพักที่อาศัยทางราชการอยู่อีกล่ะ  เอาแค่ บช. ติดกันอย่าง ภ.8 ยังไม่อยากย้ายไป ภ.9 เลย    แล้วการวิเคราะห์ตำแหน่งก็ไม่รู้ใช้หลักอะไรคิด(แล้วจะสอบถามภูมิลำเนากันหาพระแสงอะไร)

     ยกตัวอย่างโรงพักเล็ก หน.สถานีระดับผู้กำกับการ จะต้องมี รอง ผกก.สอบสวน 1 , สว.สอบสวน 1 และ รอง สว.สอบสวน อีก 3   ซึ่งแต่เดิม เขามี รอง ผกก.สอบสวน 1 และ มี พงส.ผลัดกันเข้าเวร อีก 3 คน  ก็ถือว่าเพียงพอต่อปริมาณงานแล้ว  แต่ได้เพิ่มมาอีก 1 เฉยเลย  เลยต้องไปลำบาก สวป. ทั่วประเทศอีกที่จะโดนเขี่ยมาเข้าเวรสอบสวน   ที่จริงเมื่อมีหัวหน้างาน 1 คนแล้ว  ที่เหลือจะมีกี่คนก็คิดตามปริมาณงานไปก่อน แล้วค่อย ๆ ปรับตามกรอบในปีถัดไป  อาจใช้เวลาปรับสัก 1-2 ปี ก็จะได้กำลังพลตามกรอบ(ถ้าไม่เสือกเปลี่ยนอีกนะ)  ถ้าทำอะไรแล้ววางแผนสักหน่อย มันก็จะไม่โกลาหล สร้างความฉิบหายกับผู้ปฏิบัติมากนัก  แต่อย่างว่าแหละเรามันแค่มดปลวก  ไม่อยู่ในสายตาของผู้บังคับบัญชาอยู่แล้ว  โดนมาหมดแล้ว ทั้งหลอกใช้  ข่มขู่  บังคับ  ถ้าสอบเป็นดีเอสไอ เป็นอัยการ เป็นศาลได้ คงไม่ทนอยู่หรอกครับพี่น้อง

     ผู้บังคับบัญชาเคยคิดบ้างมั๊ยว่าทำไมถึงมีแต่คนอยากออกจากสายงานสอบสวน ทั้งที่เพิ่มเงิน เพิ่มสิทธิให้ขนาดนี้   เพราะงานสอบสวนมันลูกเมียน้อยไง ทำดีให้ตายก็แค่เสมอตัว ขั้นไปตกกับสายงานอื่นหมด  เวลาและทรัพยากรจะไปดูแลเจ้านายก็ไม่มีเหมือนสายงานอื่นเขา  อะไร ๆ ก็ลงทุนเองหมด ทั้งคอม ทั้งกระดาษ หมึก  ต้องดูแลตัวเอง  ข้อระเบียบ ข้อกฎหมายก็เยอะแยะ พลาดมาก็คุก  มาตอนนี้ความก้าวหน้าก็มืดมนไม่พอ ยังจะโดนย้ายอีก ... ถ้าให้ พงส. โหวตได้ว่าอยากอยู่กับ ตร. หรือไม่  ท่านจักรทิพย์ฯ น่าจะรู้นะว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร  เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่ว่ามาเกิดขึ้นในยุคท่านทั้งสิ้น  อันนี้ไม่ใช่ผมคิดเองคนเดียว แต่เกิดจากการได้พูดคุยกับพี่น้อง พงส. หลาย ๆ คนก็มีปัญหาลักษณะเดียวกันแทบทั้งสิ้น

     กลัวคนอื่นจะมาปฏิรูปตำรวจ หาว่าเขาไม่รู้เรื่อง แล้วดูที่ ตร. ทำสิครับ     ควรมาศึกษาก่อนว่านโยบายมีผลดีผลเสียอย่างไร  ไม่ใช่สักแต่ว่ากูมีอำนาจ กูจะให้ทำอย่างนั้น อย่างนี้  ถ้าคิดว่าถูก อย่าเอาคำสั่ง คสช. มาคุ้มกันสิครับ  #ไม่ผิดจะกลัวอะไร


อดีตร้อยเวรที่อาจจะกลับไปเข้าเวรอีกครั้ง



ความคิดเห็น