ทำความรู้จัก "จ่าเฉย" ตำรวจที่ไม่เคยจับใคร

รุ่นแรก หน้าตาน่ากลัว

ถ้าถามพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เชื่อว่าส่วนใหญ่จะต้องรู้จัก "จ่าเฉย" สุดยอดหุ่นตำรวจที่โด่งดัง บางทีประชาชนอาจรู้จักมากกว่า ผบ.ตร. ซะอีก   มาดูประวัติกันครับ ว่า จ่าเฉย นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร

     เรื่องราวมันเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2550 เมื่อโรงพยาบาลวิภาวดี เห็นถึงความลำบากตรากตรำของตำรวจจราจร ที่ต้องยืนตากแตด ตากฝน งงงงในดงฝุ่น  อาจทำให้เสียสุขภาพได้ จึงมีความประสงค์แบ่งเบาภารกิจ โดยได้ร่วมกับภาคเอกชนต่าง ๆ ลงขันกันจัดสร้างหุ่นจำลองตำรวจจราจรขึ้น เพื่อมอบให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลนำไปประจำไว้ยังจุดต่าง ๆ ตามถนนหนทาง ในเขตอำนาจของตำรวจนครบาล สำหรับป้องปรามผู้ขับขี่รถไม่ให้กระทำผิด และเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยการจัดสร้างจ่าเฉยหนึ่งตัวเป็นราคาสองหมื่นบาทเศษ

     รูปลักษณ์ของจ่าเฉย มีทั้งที่จัดสร้างขึ้นเพียงครึ่งตัว และเต็มตัวเท่าคนจริง แบบเต็มตัวนั้นมีความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ทุกตัวเป็นชายหนุ่มสวมเครื่องแบบตำรวจจราจร โดยมีทั้งที่อยู่ในท่าวันทยหัตถ์อย่างตำรวจ มีใบหน้ายิ้มแย้ม และท่ายืนตรง มีใบหน้าเคร่งขรึม

     หลังจากปฏิบัติหน้าที่ได้เพียงสองปี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552 พลตำรวจโท สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนใหม่ แถลงข่าวว่า จากการประชุมกองตำรวจนครบาลเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ณ ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจนครบาล 5 ได้สั่งการให้สถานีตำรวจนครบาลทุกแห่งเก็บจ่าเฉยคืนจากจุดที่ตั้งไว้ มิให้ตั้งอีกต่อไป ภายในวันที่ 20 ธันวาคม ปีเดียวกัน โดยให้เหตุผลว่า



     "...มีประชาชนเขียนจดหมายมาว่า เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปฏิบัติหน้าที่ และชอบแอบอยู่หลังเสาไฟฟ้า เพราะมีหุ่นตำรวจยืนอยู่แล้ว ซึ่งเห็นว่าไม่เหมาะสม จึงสั่งการให้นำหุ่นที่มีรูปตำรวจออกให้หมด และอีกอย่างหลังจากมีหุ่นตำรวจมาพักใหญ่ ทำให้ประชาชนเริ่มคุ้นเคยและทำผิดกฎจราจรบ่อย ๆ ทั้งเป็นที่ขบขันกับผู้ที่พบเห็น ซึ่งการจัดเก็บนั้นทราบว่าดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยให้เจ้าหน้าที่ยืนปฏิบัติหน้าที่แทน ส่วนป้อมตามแยกนั้นให้ลอกฟิล์มดำออกให้หมดเช่นกัน เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มักจะแอบหลับและกินเหล้ากันเป็นประจำ

     ...คงจะไม่ใช่การปลดฟ้าผ่า คงจะเป็นการเอาไปเก็บไว้ชั่วคราวไว้ก่อน จากการที่มีคนเขียนจดหมายเข้ามาว่า จ่าเฉยยืนอยู่ จ่าจริงไม่มา ใหม่ ๆ ก็อาจเป็นไปได้ว่า หุ่นยืนอยู่ คนผ่านไปมาอาจจะตกใจ แต่หลังจากนาน ๆ เข้า คนเริ่มคุ้นว่าจ่าเฉยยืนอยู่ จ่าจริงก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่"

     การเรียกเก็บจ่าเฉยในครั้งนี้ถือเป็นการปลดระวางจ่าเฉย ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่น ในชุมชนออนไลน์พันทิป มีการตั้งกระทู้พูดคุยเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและไว้อาลัยให้แก่การถูกปลดของจ่าเฉย  และมีผู้เขียนบทความในเว็บบล็อกโอเคเนชั่น ความตอนหนึ่งว่า "งานนี้ 'จ่าเฉย' เลยต้องตกเป็น 'แพะ' ไปโดยปริยาย เพราะตำรวจจริง ๆ ไม่ยอมทำงาน มัวแต่นั่งตากแอร์ อยู่ในตู้ยาม 'จ่าเฉย' ไม่มีแม้แต่จะแก้ตัวอธิบายให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แม้ถูกหามเข้ากรุก็ยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม"

     ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคม 2553 พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รรท.ผบช.ก. มองเห็นคุณค่า ตรวจสอบประวัติจ่าเฉยไม่มีความผิดเรื่องส่วยหรือคลิปฉาว เคยตกเป็นแพะเพราะตำรวจไม่ยอมทำงาน เห็นใจจ่าเฉย จึงขอตัวจาก บช.น.ข้ามหน่วยมาช่วยงานตำรวจสอบสวนกลาง กลับเข้าทำงานในเชิงสัญลักษณ์เพื่อป้องกันอาชญากรรม และเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กรต่อไป(ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย)

มีการพัฒนาโมเดล ให้ดูเหมือนคนจริงมากขึ้น

     หลังจากที่ "จ่าเฉย" ได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกมนุษย์  หน่วยงานตำรวจส่วนอื่น ๆ ก็สร้าง จ่าเฉย ออกมาอีกหลายเวอร์ชั่น  พัฒนาท่าทาง หน้าตา และความสมจริง  จนล่าสุดก็ต้องเปลี่ยนสีเสื้อจ่าเฉย ให้เป็นสีกากี แบบใหม่  ไม่งั้นอาจต้องเอาไปฝึกที่หนองสาหร่าย(ฮา) 

     ส่วนที่มาของชื่อ "จ่าเฉย" นั้น  เป็นชื่อที่พี่น้องประชาชนประธานให้ด้วยความเอ็นดู  ตามพฤติกรรมที่ ยืนเฉย ๆ ของหุ่นนั่นเอง

     ประโยชน์ของจ่าเฉย คือเอามายืนป้องปราม เตือนสติพี่น้องประชาชนที่ขับรถสัญจรบนท้องถนน  เหมือนว่ามีตำรวจคอยสอดส่องการกระทำผิดกฎจราจรอยู่ตลอดเวลา  ไม่เกรงใจเพื่อนร่วมทาง หรือตำรวจ  ก็เกรงใจจ่าเฉยบ้าง อะไรแบบนั้น     ก็เอามาเป็นสีสัน + สาระเล็ก ๆ ฝากกันไว้ที่นี้ครับ

อ่านข่าวฮา ๆ เกี่ยวกับ จ่าเฉย
   2 ช่างแอร์ เมาซ่า รุมตื้บ จ่าเฉย !!!
   จีนเอาด้วย จัดจ่าเฉย ยืนเฝ้าถนน

ความคิดเห็น