ช่วงนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลเสมือนสูญหาย ไม่มีสำนักข่าวไหน หรือบุคคลใดยืนยันการพบเห็นตัว หรือมีเอกสารยืนยันการปรากฎตัวในสถานที่ต่าง ๆ แต่อย่างใด ดูเหมือนว่าจะมีเพียงข่าว เขาเล่าว่า บอกต่อกันมาว่าไปที่นั่น ที่นี่ กลายเป็นนินจา นินโจ๊ก ไม่ทิ้งร่องรอยให้ใครได้เห็นกันเลย
การออกคำสั่งให้โอนย้ายจากข้าราชการตำรวจ ไปเป็นข้าราชการพลเรือน ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีความชัดเจนในเหตุผล ตกลงโดนด้วยเรื่องอะไร มีความผิดใด แล้วมีการตั้งกรรมการสอบสวนหรือไม่ ควรต้องมีคำตอบ ไม่ใช่ปรับย้ายกันแค่นี้แล้วจบ
หลังจากที่เราได้เห็นคำสั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ ไปประจำที่ ศปก.ตร. ก็ไม่มีภาพข่าว หรือการยืนยันใด ๆ จากสื่อมวลชน หรือแม้แต่เฟซบุ๊คส่วนตัว สื่อออนไลน์อื่น ๆ เสมือนเป็นบุคคลสูญหายไปเลย ไม่ใช่แค่บิ๊กโจ๊กเท่านั้น แต่รวมถึงทีมงานใกล้ชิดหลายคนก็ไม่เห็นปรากฎตัวด้วยเช่นกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่ไหน
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบบิ๊กโจ๊กก็ตาม ก็น่าเป็นห่วงในเรื่องกระบวนการที่ไม่เป็นไปโดยเปิดเผย เป็นธรรม มันไม่ได้สร้างมาตรฐานที่ดีในการตรวจสอบ และมาตรฐานทางจริยธรรมในหน้าที่แต่อย่างใด เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีวิสัยทัศน์ว่า "เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา" หรือแม้แต่วิสัยทัศน์ของ ผบ.ตร. ที่ว่า "เป็นหลักประกันความยุติธรรม และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ที่มีมาตรฐานสากล"
ส่วนเรื่องตำแหน่งที่ปรึกษาทั้งหลายนั้น ตั้งมากันงั้น ๆ แหละ ไม่มีหน้าที่หลักอะไร แล้วแต่จะมอบให้ทำ ซึ่งที่มอบให้ก็ไม่ได้มีสาระอะไร อำนาจอะไรก็ไม่มี เหมือนเอาไปเก็บกรุ รับเงินเดือนแต่เนื้องานไม่มี ไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ แต่เป็นมานานแล้ว มีตำแหน่งนี้ในหลาย ๆ หน่วยงาน ซึ่งสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน และภาษีประชาชนมาก เงินเดือนพวกนี้ เอามาจ้างคนทำงานเพิ่มได้อีกหลายคน ให้มันมีเนื้องานที่เป็นประโยชน์จริง ๆ ดีกว่า
เรื่องบิ๊กโจ๊ก เป็นอีกครั้งที่ทำให้เราได้เห็นด้านมือของระบบราชการไทย สรุปทำอะไรผิดก็ไม่รู้ ไม่มีการสอบสวนให้สิ้นกระแสความ ย้ายไปตบยุง และยังไม่มีใครยืนยันว่าเห็นตัวแล้ว มาทำงานแล้ว ระบบราชการมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ แล้วที่อ้างกันเรื่อง Good Governance หรือ หลักธรรมาภิบาล มันแค่คำที่อ้างให้สวยหรูเท่านั้นหรือ รึเราปกครองด้วยระบอบมาเฟีย ?
นับตั้งแต่ คสช. ออกคำสั่ง มาตรา 44 โยกย้ายข้าราชการระหว่างสอบสวน ทำให้ สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี ต้องเปิดอัตรารองรับบุคคลเหล่านี้นับร้อยอัตรา จะใช้ที่ทำเนียบ สถานที่ก็ไม่เพียงพอ จึงย้ายส่วนหนึ่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่พออีก ในที่สุดก็ต้องขอเช่าพื้นที่บริเวณชั้น 4 อาคารบี รองรับ เห็นมั๊ยว่าเป็นระบอบที่สิ้นเปลืองมาก เงินภาษีทั้งนั้น เฮ้อ ..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น