ตามที่มีการแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก(ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา ซึ่งมีสาระสำคัญหลายประการที่พี่น้องประชาชน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรู้เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎจราจร และบังคับใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้อง มีดังนี้
1.
เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่กระทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับ
กระทำผิดครั้งแรกจะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000
บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก
เพิ่มอัตราโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000 – 100,000 บาท
และศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ (ม.160 ตรี/1 และ 160 ตรี/3)
2.
เพิ่มอัตราโทษที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยง
ในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทาง
2.1 เพิ่มอัตราโทษปรับ เช่น
§
ขับรถเร็วเกินกำหนด
ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
§
ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง
ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
§
ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย
ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
§
ขับรถย้อนศร
ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)
§
ไม่สวมหมวกนิรภัย
ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)
§
ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย
ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)
2.2
เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น อัตราโทษเดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน
ปรับตั้งแต่ 2,000 -10,000 บาท เพิ่มเป็น จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 –
20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.
กำหนดความผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทาง เพิ่มเติม ดังนี้
3.1 ความผิดฐานพยายามแข่งรถ
กำหนดเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ร่วมกลุ่มหรือมั่วสุมในทางหรือสาธารณสถานใกล้ทาง
พร้อมด้วยรถตั้งแต่ 5 คันขึ้นไป หากมีเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง (ม.134) ดังนี้
§
มีการนัดหมายเพื่อแข่งรถกันมาก่อน
หรือ
§
รถที่รวมกลุ่มมีการดัดแปลง/ปรับแต่งรถที่มีสภาพไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
หรือ
§
มีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดอันแสดงให้เห็นว่าจะทำการแข่งรถในทางถือว่า
“พยายามแข่งรถในทาง” ต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ของความผิดฐานแข่งรถในทาง
(การแข่งรถในทาง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 10,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ)
3.2 เพิ่มโทษสำหรับผู้จัด และกำหนดโทษใหม่สำหรับผู้โฆษณา ประกาศ
ชักชวน ให้มีการแข่งรถ
อัตราโทษเดิม
จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 – 10,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับเพิ่มเป็นโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 10,000 –
20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ(ม.134/1)
3.3 กำหนดโทษใหม่สำหรับร้านรับแต่งรถ
เมื่อรถนั้นถูกนำไปใช้แข่งรถในทาง ต้องรับโทษในฐานะผู้สนับสนุน คือ ต้องระวางโทษ 2
ใน 3 ของความผิดฐานแข่งรถในทาง (การแข่งรถในทางระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน
หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) (ม.134/2)
4.
กำหนดเรื่องการรัดเข็มขัดนิรภัย
4.1
รถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถตู้
4.2 สำหรับรถกระบะ
ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตอนหน้า
กรณีเป็นรถกระบะสองตอนผู้โดยสารตอนหลัง ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย ด้วย
หากฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัด
ตามข้อ 4.1 และ 4.2 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
สำหรับการนั่งบริเวณแคป
หรือนั่งท้ายกระบะ สามารถนั่งได้โดยไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย
แต่ต้องนั่งไม่เกินจำนวนที่กำหนดในลักษณะที่ปลอดภัย
และผู้ขับขี่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด **
ส่วนประกาศกำหนดอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งจะแล้วเสร็จภายใน 4 ธันวาคม 2565 **
สำหรับเรื่องที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนนประชุมเพื่อกำหนดมาตรฐาน/ลดอัตราภาษีของที่นั่งนิรภัย และวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่ไม่สามารถใช้ที่นั่งนิรภัยได้ เพื่อจัดทำประกาศเรื่องการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กให้แล้วเสร็จภายใน 4 ธันวาคม 2565 เรื่องที่นั่งนิรภัยนี้ยังไม่เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 แต่จะบังคับใช้เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดทำประกาศและลงประกาศให้ประชาชนทราบในราชกิจจานุเบกษา ต่อไป
นอกจากนี้ยังมีการตัดแต้มจากการกระทำผิดกฎหมายจราจร และพักการใช้ใบขับขี่ หรือข้ามขับขี่รถนั่นเอง(เริ่มใช้ต้นเดือน ม.ค. 66) โดยเริ่มต้นทุกคนจะมีคนละ 12 คะแนนเต็ม เมื่อกระทำผิดกฎหมายจราจรในข้อหาต่าง ๆ นอกจากถูกปรับ ถูกดำเนินคดีแล้ว ยังมีการบันทึกการตัดคะแนนของผู้กระทำผิดด้วย เพื่อให้เกิดความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น โดยข้อหาความผิดที่จะถูกตัดแต้ม มีตั้งแต่ 1 จนถึง 4 คะแนน
หลักการตัดแต้มความประพฤติในการขับขี่
- หากรู้ตัวผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ที่กระทำความผิด ให้ตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ขับขี่นั้น
- หากไม่พบหรือไม่ทราบตัวผู้ขับขี่และเป็นใบสั่งที่ติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถหรือส่งใบสั่งทางไปรษณีย์ ให้ตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ที่เป็นผู้ครอบครองรถ
- กรณีที่ผู้ขับขี่ที่กระทำความผิดไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ให้ผู้ออกใบสั่งหรือผู้จับกุม ดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก
ข้อหาที่ตัด 1 คะแนน
- ขับรถไม่หยุดให้คนเดินข้ามทาง ณ ทางข้าม ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรบนพื้นทางประเภทบังคับ “เส้นทางข้าม”
- ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
- ขับรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร
- ขับรถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา
- ไม่ขับรถด้วยอัตราความเร็วตามที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือตามเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ในทาง
- ไม่หยุดรถหรือจอดรถให้อยู่ชิดขอบทางด้านซ้ายหรือชิดช่องเดินรถประจำทางเพื่อให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อนเมื่อเห็นรถฉุกเฉินขณะปฏิบัติหน้าที่
- ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันน้อค หรือขับขี่รถจักรยานยนต์ในขณะที่คนโดยสารรถจักรยานยนต์มิได้สวมหมวกกันน็อค
- ขับขี่รถยนต์โดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย หรือขับขี่รถยนต์โดยไม่จัดให้คนโดยสารรถยนต์คาดเข็มขัดนิรภัยขณะโดยสารรถยนต์
- นำรถที่ไม่ได้ติดแผ่นป้ายเลขทะเบียน แผ่นป้าย เครื่องหมายเลขทะเบียนหรือป้ายประจำรถตามกฎหมาย มาใช้ในทางเดินรถ
- ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และเครื่องหมายให้ครบถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522
- เปลี่ยนแปลง ปิดบังทั้งหมด หรือบางส่วน ของป้ายทะเบียนรถ
- ได้รับใบสั่งและไม่ชำระค่าปรับโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ข้อหาที่ตัด 2 คะแนน
- ขับรถโดยฝ่าฝืนไฟแดง หรือเครื่องหมายจราจรสีแดงที่มีคำว่า “หยุด”
- ขับรถย้อนศร
- ขับรถในระหว่างที่ใบอนุญาตถูกสั่งยึด หรือถูกสั่งพักใช้
ข้อหาที่ตัด 3 คะแนน
- ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ
- ขับรถในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดาหรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย
- ขับรถก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นและไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือตามสมควร ไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อตำรวจที่ใกล้เคียงทันที
ข้อหาที่ตัด 4 คะแนน
- ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น
- ขับรถในขณะเสพยาเสพติดให้โทษหรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
- ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
- แข่งรถบนนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร
การตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถตามจำนวนคะแนนที่กำหนดของแต่ละข้อหา สำหรับการกระทำผิดในแต่ละครั้ง แต่หากเป็นกรณีที่กระทำผิดครั้งเดียวและเป็นความผิดหลายข้อหาให้ตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถตามจำนวนคะแนนที่กำหนดของแต่ละข้อหา แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกิน 8 คะแนน
เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ซึ่งถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถจนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ทุกชนิดคราวละ 90 วัน ส่วนการคืนคะแนนความประพฤติในการขับรถจะได้รับคืนคะแนนความประพฤติในการขับรถตามจำนวนที่ถูกตัดในแต่ละครั้งในวันถัดจากวันครบกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ถูกตัดคะแนนครั้งนั้น การขับรถในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 156 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ผู้ที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ตาม เมื่อพ้นกำหนดการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่แล้วให้ได้รับคืนคะแนนความประพฤติในการขับรถที่ถูกตัด ในวันถัดจากวันครบกำหนดการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ จำนวน 8 คะแนน ส่วนคะแนนที่เหลืออีก 4 คะแนนที่ยังไม่ได้รับคืน จะได้รับคืนก็ต่อเมื่อไม่ได้ถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถในรอบระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันที่ครบกำหนดการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่
ในกรณีที่ผู้ซึ่งถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เข้ารับการอบรมความรู้เกี่ยวกับการขับรถและวินัยจราจร และผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกกำหนด จะได้รับคืนคะแนนความประพฤติในการขับรถที่ถูกตัด ในวันถัดจากวันครบกำหนดการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ในจำนวน 12 คะแนน
ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ซึ่งถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถจนเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน หากเข้ารับการอบรมความรู้เกี่ยวกับการขับรถและวินัยจราจร และผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกกำหนด จะได้รับคืนคะแนนความประพฤติในการขับรถที่ถูกตัดในวันที่ผ่านการอบรม ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้
- อบรมครั้งที่ 1 ในรอบปี คะแนนที่ได้รับคืนมาจะมีคะแนนรวมไม่เกิน 12 คะแนน
- อบรมครั้งที่ 2 ในรอบปี คะแนนที่ได้รับคืนมาจะมีคะแนนรวมไม่เกิน 6 คะแนน
ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ มีสิทธิได้รับคืนคะแนนจากการอบรมเพียงปีละ 2 ครั้ง หากทำความความผิดตามในระหว่างที่มีคะแนนความประพฤติในการขับรถเป็น 0 คะแนน ให้บันทึกประวัติการกระทำความผิดไว้และให้ตัดคะแนนความประพฤติการขับรถดังกล่าว เมื่อผู้ขับขี่นั้นได้รับคืนคะแนน
ในขณะที่เขียนบทความนี้ การตัดแต้มยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากทางตำรวจและขนส่งทางบก ยังคงเซ็ทระบบกันไม่เสร็จ(อีกล่ะ) ส่วนคนที่ไม่มีใบขับขี่ อย่าคิดว่าจะรอดจากการบันทึกแต้มนะครับ เพราะจะต้องมีมาตรการที่เข้มข้นยิ่งกว่าผู้ที่มีใบขับขี่แน่นอน สิ่งที่ตำรวจต้องเร่งดำเนินการคือการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบโดยทั่วกัน ในช่องทางสื่อต่าง ๆ ของทุกสถานีตำรวจ ทั้งโซเชี่ยลมีเดีย การประชุมต่าง ๆ เสียงตามสาย วิทยุท้องถิ่น ฯลฯ
ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องทำคลิปเผยแพร่อย่างเร่งด่วน , สร้างระบบการบันทึกแต้ม , มาตรฐานค่าปรับในแต่ละข้อหาต้องเหมือนกันทั่วประเทศ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น