จากประสบการณ์รับราชการตำรวจมานาน ผ่านยุคอธิบดีกรมตำรวจ มาจนถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อนข้าราชการตำรวจหลาย ๆ ท่านก็คงได้เคยพบกับนโยบาย หรือข้อสั่งการแปลก ๆ (บางอย่างนี่ถึงขั้น งี่เง่า เลย) ที่แม้วันนั้นผู้สั่งการมีอำนาจ ไม่มีใครคัดคานได้ แต่ด้วยกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็น นโยบายหรือข้อสั่งการที่ไร้สาระ , ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
มาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง บางคนอาจทันในยุคที่ว่านี้บ้าง หรือไม่ทันก็ลองไล่เรียงกันดูครับ มาจากประสบการณ์ตำรวจโรงพักล้วน ๆ ถ้าใครมีเรื่องอื่นก็เพิ่มเติมมาเล่าสู่กันฟังบ้าง ทางช่องคอมเมนท์ด้านล่างครับ
- รถจักรยานยนต์ ไทเกอร์ - JRD อันนี้ไม่รู้ว่าตอนนั้นล็อคสเปคกันอย่างไร ได้มอไซด์ยี่ห้อที่ไม่มีศูนย์บริการ อะไหล่หายาก แม้จะมีเครื่องยนต์ 150 ซีซี แต่ความแรงก็สู้รถ จยย. ขนาดเดียวกัน ยี่ห้ออื่นไม่ได้เลย และเพียงไม่กี่ปี มันก็กลายเป็นเศษเหล็กรอประมูลไป - ยุค พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวช ผบ.ตร.
- Bio-Desel ช่วงนั้นหลาย ๆ จังหวัดต้อง "ซื้อ" เครื่องผลิตไบโอดีเซล ราคาหลายแสน เพื่อเอาใจผู้มีอำนาจที่ขยันตรวจเยี่ยม ได้ข่าวว่าผู้ขายเครื่องมีเพียงเจ้าเดียวซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนของผู้มีอำนาจซะด้วย ตำรวจต้องไปขอน้ำมันพืชใช้แล้วจากร้านขายของทอด(ปาท่องโก๋ , ไก่ทอด , กล้วยทอด) เอามาผลิตไบโอดีเซล ขอมา 100 ลิตร ผลิตได้ 70 ลิตร แต่ละโรงพักต้องเดินทางเอาน้ำมันพืชมาส่ง แล้วมารับกลับวันหลัง เสียค่าน้ำมันสองรอบ แล้วเติมมาก ๆ เครื่องพัง ไม่มีงบซ่อมอีก สุดท้ายใช้กันได้ไม่ถึงปี ปัญหาเยอะเกินรับไหว จึงเลิกใช้และขายเครื่องทิ้งไปถูก ๆ - ยุค พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวช ผบ.ตร.
- ติดภาพวาดขนาดใหญ่ หน้าสถานีตำรวจทั่วประเทศ เป็นภาพวาดพร้อมกับคำขวัญ "บริการดุจญาติ พิทักษ์ราษฎร์ดุจครอบครัว" สั่งการให้ติดทั่วประเทศ โดยส่งให้ดาวน์โหลดไฟล์ในเว็บ เอาไปสั่งพิมพ์ ไม่มีงบประมาณมาให้ กำหนดขนาดมาใหญ่มาก ถ้าทำพร้อมโครงเหล็กก็ราคาเป็นหมื่น และโรงพักแปลนไม้เก่าไม่มีที่ติดตามขนาดที่กำหนด หลังจากสั่งมาไม่กี่วัน ก็กำชับให้รายงานผลพร้อมภาพถ่าย พอรายงานพร้อมภาพถ่ายไปแล้ว คงมีกระแสด่าไปถึงหู เลยสั่งให้เอาภาพดังกล่าวลง .... คิด วิเคราะห์ แยกแยะ - ยุค พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. (อยากรู้ที่มีของภาพเพิ่มเติมคลิ๊ก)
- รายงานเหตุด้วย FAX แม้ว่าประเทศไทยจะก้าวสู่ ไทยแลนด์ 4.0 แต่การรายงานเหตุของตำรวจ ก็ยังคงใช้แฟกซ์มาหลายสิบปี ทั้ง ๆ ที่สามารถใช้ email รายงานก็ได้ ค่าใช้จ่ายต่างกันลิบลับ เมื่อไม่กี่วันเห็นหนังสือให้ประหยัดค่าโทรศัพท์ สาธารณูปโภค ตรงนี้คิดกันไม่ได้เนาะ แล้วแฟกซ์นี่ปัญหาก็เยอะ บางทีส่งมาดำเกินบ้าง จางบ้าง อ่านไม่ออกบ้าง ส่งรูปก็ดูไม่รู้เรื่อง ฯลฯ จึงชัดเจนว่าผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. ไม่ได้พัฒนาความคิดแต่อย่างใด มีเหตุทีนึงต้องส่งแฟกซ์แม่งไม่รู้กี่สำนักงาน โทรรายงานอีก ไลน์อีก
- แต่งตั้งล่าช้า อันนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเหตุอะไร เพราะคนเกษียณ ก็ไม่เคยเกษียณล่าช้า 30 กันยายน แป๊ะทุกปี คนที่เขาจะได้เลื่อนตำแหน่งเพราะอาวุโส เขาก็เสียประโยชน์ เสียสิทธิที่ควรได้ ยิ่งเหลือปีเดียวเกษียณ น่าจะฟ้องศาลปกครองให้รู้เรื่องสักที
- สอบนักเรียนนายสิบตำรวจ ไม่เคยมีกำหนดการที่แน่นอน เที่ยงตรง ทุกปี ๆ ต้องรอประกาศจากกองการสอบ ทั้ง ๆ ที่อัตรากำลังพลที่เกษียณก็ชัดเจน ในขณะที่ นายสิบทหารเหล่าต่าง ๆ รวมทั้ง นักเรียนเตรียมทหาร นั้นมีกำหนดแน่นอน เด็กที่ต้องการจะมุ่งสอบ นสต. จะได้เตรียมตัว วางแผนล่วงหน้า ทุกวันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ นสต. จากเด็กที่สอบเอนทรานซ์แล้ว สอบอย่างอื่นไปหมดแล้ว ไม่ติดอะไรก็มารอสอบ นสต. ทำไมเราไม่คิดคัดเด็กให้พร้อมกับสถาบันอื่น ๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานความรู้ ไม่ใช่ต้องมาลดมาตรฐานคะแนนเพื่อรับเด็กให้ครบตามโควต้า
- รถเช่าที่แพงกว่าเช่าซื้อ รถเช่านั้นเกิดขึ้นในปี 2550 ยุคที่รัฐบาลมาจากรัฐประหาร ตำรวจเลยได้ส่วนแบ่งในยุทโธปกรณ์กับเขาบ้าง จึงได้รถเช่ามาให้กับทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ มี ตั้งแต่รถกระบะ 4 ประตู , 2 ประตู CAB , รถตู้ , รถกระบะสืบสวน ข้อดีคือ เป็นรถเช่าที่มีการดูแล ซ่อมบำรุง เสร็จสรรพ เข้าศูนย์ตามวงรอบ เปลี่ยนยาง เปลี่ยนแบตฯ ฟรี มีประกันภัยชั้น 1 ให้ด้วย ส่วนข้อเสียก็อย่างที่จั่วหัวไว้ คือมันแพงเกินไป ครบ 5 ปี หมดสัญญาเช่า ตำรวจก็ไม่ได้สิทธิอะไรในรถเลย จ่ายค่าเช่าเดือนละสามหมื่นอัพ ถ้าผ่อนรถปกติ ก็จะได้รถใน 5 ปี แน่นอน ปลายปี 2560 นี้ก็จะหมดสัญญาเช่ารอบสองแล้ว ยุคคนดีนี่ไม่รู้ว่าจะสามารถตรวจสอบการเช่ารอบใหม่ได้หรือไม่อย่างไร
- e inspector เมื่อสัก 2 - 3 ปีก่อน งานจเรตำรวจได้ผุดไอเดียสุดล้ำ กับโครงการ e inspector ที่จะให้ทุกสถานีตำรวจกรอกข้อมูลการตรวจของจเรตำรวจ พร้อมภาพถ่าย แต่ละหัวข้อต้องกรอกตามวงรอบถี่บ้าง รายเดือนบ้าง ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่ต้องทำแฟ้มตรวจงาน แต่สุดท้ายมันก็ตรวจทั้ง e inspector และแฟ้มอยู่ดี สุดท้ายทำได้เพียงปีเดียว ก็ยกเลิกโครงการไป เพราะทำให้งานของสถานีตำรวจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่มีประโยชน์อันใดเลย - ถ้าจำไม่ผิด e inspector เป็นผลงานของ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. มาตอนนี้ก็กำลังผลักดัน Police i lert u อยู่
- HomeGuard ตาม e inspector มาติด ๆ แต่ก็หายไปกับสายลม ตอนนี้มี Police i lert u มาแทน ไม่รู้ว่าใครทำ HomeGuard แล้วใช้งบประมาณราชการหรือไม่ เท่าไหร่ ยังไงก็อย่าไอเดียบรรเจิดกันนักครับ ถ้าจะใชความคิดก็ ช่วยคิดให้งานธุรการมันลดลงจะดีกว่า
- โต๊ะทราย แค่คนมีอำนาจเกริ่นออกมานิดเดียว ก็รับลูกกันเป็นแถว ทำให้แต่ละสถานีตำรวจต้องจ่ายเงินสร้างโต๊ะทรายกันหลายพันบาท ขี้เกียจจะสรรเสริญนโยบายนี้แล้วครับ เคยเขียนไปแล้วลองตามไปอ่านกันดู(คลิ๊ก)
- การจัดการกำลังพล การบ่นเรื่องกำลังขาดแคลน ในขณะที่รัฐบาลไม่อนุมัติอัตรากำลังพลเพิ่มนั้น ไม่มีประโยชน์อะไร กำลังสองแสนนาย เป็นตำรวจสายตรวจจริง ๆ กี่คน เราต้องเสียกำลังพลไปกับสำนักงานเจ้านายต่าง ๆ , งานธุรการที่เกินจำเป็น , หน่วยงานซ้ำซ้อน ฯลฯ ไปเท่าไหร่ แก้ไขปัญหาตรงนี้ดีกว่า เอาพวกนี้ลงมาทำงานแบบตำรวจจริง ๆ น่าจะได้เป็นพันอัตรา
นี่เป็นตัวอย่างเล็กน้อยที่เห็นชัด ๆ สำหรับพี่น้องตำรวจโรงพักทั่วประเทศ เชื่อว่าหน่วยอื่น อย่าง ตชด. , รพ.ตร. , ศูนย์ฝึกฯ , พฐ. , บช.ก. ฯลฯ ก็คงจะมีเรื่องราวแปลก ๆ ปนระทม ไม่น้อยเช่นกัน จากบรรดานโยบาย คำสั่ง ที่คนคิดไม่ได้คำนึงถึงข้อจำกัดของหน่วย เพิ่มงาน เพิ่มภาระ ผู้ปฏิบัติก็ก้มหน้ารับชะตาฟ้าลิขิตต่อไป จะบ่นก็ไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าฟีดแบ็คนี้จะสะท้อนให้เจ้านายได้ยินกันบ้างอ่ะนะ ... แชร์สิครับ รออัลไร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น