อย่างหนึ่งที่มีปัญหามานานของวงการตำรวจไทย นั่นคือ "การแต่งตั้งโยกย้าย" ที่น่าจะเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งในการแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบของตำรวจ เพราะแต่ละพื้นที่ก็จะมีทรัพยากรธุรกิจผิดกฎหมายบ้าง สีเทา ๆ บ้าง ยิ่งเมืองใหญ่ หรือแนวชายแดน ก็จะเป็นที่หมายปองของนักวิ่งเต้น ถึงกับมีข่าวว่าเปิดประมูลกันเลยทีเดียว(ไม่ต้องตกใจครับ หน่วยงานอื่นก็มีข่าวแบบนี้เหมือนกัน) เมื่อเริ่มตำแหน่งด้วยการใช้เงิน ก็จะต้องเร่งหาเงินทุนคืน และสำรองไว้ใช้ในการแต่งตั้งครั้งถัดไป ปัญหาอย่างนี้มันก็พันกันมาหลายต่อหลายปี ทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ ประสิทธิภาพในการทำงาน จนไปถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ในยุคที่ต้องการจะปฏิรูปตำรวจ ถ้าจะทำจริงอย่าหน้าบาง ต้องแก้ไขให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายทุกปี มีอะไรบ้าง และในห้วง 2 ปีหลัง ที่มีอำนาจพิเศษ มันเกิดอะไรขึ้นมาดูกันครับ
- การวิ่งเต้นไปอยู่ในแหล่งผลประโยชน์ จะสังเกตุได้ว่าในโรงพักชั้นหนึ่ง ในนครบาล หัวเมืองต่าง ๆ นั้นจะไม่มีประเภท nobody มันจะต้องเป็น somebody ถ้าไม่ใช่ "เด็กนาย" ก็จะต้องเป็นนักวิ่งเต้นฝีเท้าจัด แน่นอนว่าเมื่อไปอยู่แล้วก็จะต้องมีการถอนทุน รวมทั้ง สะสมทุน เอาไว้ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งต่อไป
- การย้ายโดยไม่สมัครใจ ไม่มีความผิดใด แต่ถูกเตะ เนื่องจากมีคนอยากจะแลนดิ้งที่นี่ บางทีไม่ได้ย้ายไปพื้นที่ใกล้เคียง แต่มันเป็นการย้ายข้ามภาค เป็นการเพิ่มต้นทุนในชีวิตของพวกเขาโดยไม่จำเป็น เพราะต้องเดินทางไปทำงานไกลบ้าน ค่าขนย้าย การดำรงชีวิตประจำวัน ฯลฯ ปกติเงินเดือนก็ไม่พอใช้กันอยู่แล้ว โดนแบบนี้อาจต้องเป็นหนี้เพิ่มเสี่ยงล้มละลาย หรืออาจต้องทุจริตต่อหน้าที่ก็เป็นได้
- ห้ามเยียวยา ห้ามร้องทุกข์ หรือฟ้องร้องใด ๆ ... ปกติหลังการแต่งตั้งโยกย้าย ผู้ที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องทุกข์ให้ ก.ตร. เยียวยาได้ อาจได้กลับมาในพื้นที่ใกล้เคียง แม้จะต้องใช้เวลา แต่ก็ยังมีความหวัง กับคำสั่ง 2 วาระล่าสุดนี้ มีคำสั่ง ม.44 จาก หน.คสช. ไม่ให้เยียวยา หรือฟ้องร้องใด ๆ ได้ บางคนถูกกลั่นแกล้งย้ายออกนอก บช. ป่านนี้ยังกลับที่เดิมไม่ได้เลย
- ย้ายโดยไม่ดูสถานภาพกำลังพล ดูอย่างง่าย ๆ ก็คือ การย้ายรอบที่ผ่านมา ทำให้บางแห่ง มีพนักงานสอบสวนไม่เพียงพอต่อการทำงาน เอาอำนาจแต่งตั้งไป แต่ดันไม่ตรวจสถานภาพกำลังพลแต่ละที่ นึกจะย้ายก็ย้ายแม่งไม่สนห่าอะไรเลยว่าโรงพักจะทำงานได้มั๊ย ประชาชนในพื้นที่จะไม่มีพนักงานสอบสวนไว้รับคดีหรือไม่ ฯลฯ ทำกันแบบปัญญาอ่อนอย่างนี้ ก็ไปเพิ่มปัญหาให้กับพื้นที่อีก
- ย้ายคนไม่ตรงกับงาน ที่ก็เป็นการสร้างปัญหาให้หน่วย เอาคนที่อยู่สายงานสืบสวน มาทำงานนักวิทยาศาสตร์ เอาคนอยู่งานบริหาร มาเข้าเวรสอบสวน ฯลฯ มีแบบนี้เยอะมากกกกก ถามจริง ๆ ครับ ทำไปเพื่อ ?!!
ถามว่าปัญหาข้างต้นนี้เพิ่งเกิดรึเปล่า ก็ไม่ใช่ ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับรู้มานานแล้ว แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะคนเองก็ต้องรักษาเก้าอี้ ส่วนหนึ่งตนเองก็โตมากับระบบแบบนี้ และอาจเป็นผู้สนับสนุนนี้ด้วยก็ได้
แล้วการแต่งตั้งควรจะเป็นอย่างไร ถึงจะส่งเสริมการปฏิรูปตำรวจ ให้สู่แนวทางที่ดีกว่าปัจจุบัน ให้คนดี มีความสามารถ ได้แสดงศักยภาพในการทำงานอย่างเต็มที่ เอาผลงานมาวัด ไม่ใช่ "ตั๋ว" อาทิ
ทำแบบนี้รับรองเข้าทางปฏิรูปตำรวจแน่ ๆ แต่เจ้านาย และผู้มีอำนาจจะเสียประโยชน์ ใครจะยอม 55
ปล. ลองเทียบเคียงการโยกย้ายของหน่วยงานอย่างครู สาธารณสุข เขาทำกับผู้ใต้บังคับบัญชาเขาอย่างนี้หรือไม่
- ไม่มีความผิด - ไม่ได้ขอ - ไม่หย่อนสมรรถภาพ = ห้ามย้าย ถือเป็นความมั่นคงในอาชีพการงาน ในเมื่อดำรงตำแหน่งสูงขึ้นไม่ได้ ถ้าได้อยู่ที่เดิมก็ยังดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปวิ่งเต้น หาเจ้านายที่ไหน เอาเวลาวิ่งเต้น มาเน้นงานในพื้นที่จะดีกว่า
- กำหนดคุณสมบัติเฉพาะของทุกสายงาน ไม่ใช่ย้ายข้ามสายงาน เอาคนไม่มีประสบการณ์มาทำงานสำคัญ เรื่องงานราชการไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ผิดพลาดขึ้นมา คนเซ็นต์คำสั่งกล้ารับผิดชอบมั๊ย
- หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายแก่ ผบช. - ผบ.ตร. ได้ ถ้ากำหนดแบบนี้จะไม่มีการกลั่นแกล้งกันแน่ และก่อนลงนามจะต้องเช็คให้ดี(ไม่ใช่ย้ายคนตาย คนเกษียณ เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน)
- ต้องมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน เป็นธรรม ในการประเมินผลการปฏิบัติของแต่ละหน่วย ถ้าไม่ผ่านอาจโดนปรับย้ายได้ หรือถ้าดีเด่น สามารถเลือกที่ได้ แบบนี้แข่งกันทำงาน + บริการ = ประชาชนได้ประโยชน์
ทำแบบนี้รับรองเข้าทางปฏิรูปตำรวจแน่ ๆ แต่เจ้านาย และผู้มีอำนาจจะเสียประโยชน์ ใครจะยอม 55
ปล. ลองเทียบเคียงการโยกย้ายของหน่วยงานอย่างครู สาธารณสุข เขาทำกับผู้ใต้บังคับบัญชาเขาอย่างนี้หรือไม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น