หลังจากที่ศาลฎีกา "ยกคำร้อง" กรณีขอรื้อฟื้นคดีของ ครูจอมทรัพย์ หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโครต ผู้ต้องหาคดีขับรถชนคนตาย เนื่องจากพยานหลักฐานที่นำมาสืบไม่น่าเชื่อถือ และไม่มีพยานหลักฐานใหม่ในการต่อสู้คดี เรื่องราวมันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เพราะที่ตำรวจเคยออกมาบอกกล่าวกับสังคม ว่าเรื่องนี้ทำเป็นขบวนการ มีการรับจ้างสร้างพยานหลักฐานเท็จ แต่สังคมไม่มีใครเชื่อ ประกอบกับ "นักเล่าข่าว" ทั้งหลายเทใจเชื่อครูจอมทรัพย์กันหมด สร้างกระแสสังคมให้คล้อยตาม สร้างราคาให้ตัวเองด้วยการเหยียบย่ำผู้อื่น เพิ่มดราม่าเกลียดชังตำรวจ ลดความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรม
แม้วันนี้ศาลฎีกา จะออกมายืนยันในความถูกต้องของการตัดสินคดี ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ถึงศาลฎีกา แต่เรื่องราวของครูจอมทรัพย์ ก็ยังไม่จบสิ้นเพียงเท่านี้ เพราะได้เกิดคดีใหม่ เรื่องราวใหม่ ๆ หลังคำพิพากษา โดยจะขออัพเดทคร่าว ๆ ดังนี้
- การดำเนินคดีกับนาย สับ วาปี และภรรยา พยานที่อ้างว่าเป็นคนขับรถชนคนตาย ข้อหาให้การเท็จ รายละเอียดของข่าว https://www.matichon.co.th/news/740433
- การดำเนินคดีกับ ครูจอมทรัพย์ และพวกที่หลบหนี ในข้อหาให้การเท็จ , อั้งยี่-ซ่องโจร รายละเอียดของข่าว https://www.matichon.co.th/news/744117
- ปลัดยุติธรรมตั้งกรรมการสอบ พันตำรวจเอกดุษฎีฯ รองปลัดฯ ตัวตั้งตัวตีในการรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ ว่ามีส่วนรู้เห็นกับการสร้างพยานเท็จหรือไม่ รายละเอียดของข่าว https://today.line.me/TH/pc/article/J67Zv3?utm_source=lineshare
เรื่องครูจอมทรัพย์ฯ นี้เป็นบทเรียนให้กับสังคมไทยได้เป็นอย่างดีนะครับ ในการเสพสื่อทั้งหลาย โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ และโซเชี่ยลมีเดีย เพราะเป็นสื่อที่สามารถชี้นำกระแสสังคมให้เทไปทางใด ทางหนึ่งได้โดยง่าย ด้วยคำว่า "อคติ" ของผู้เผยแพร่ และผู้รับสาร ท่านได้สร้างความเกลียดชัง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความรุนแรง และความแตกแยกในสังคม โดยไร้ความรับผิดชอบใด ๆ ด้วยการใส่ความเห็น ต่อเติมคอมเมนท์ ปั่นกระแสไปเรื่อย ๆ
โดยเฉพาะ "นักเล่าข่าว" ที่ทำตัวเป็นผู้หยั่งรู้ ใช้วาทะกรรม น้ำเสียง ชี้นำ หวังเรียกเรตติ้ง เรียกโฆษณา เรียกค่าตัวเพิ่ม พวกนี้ไม่เคยต้องรับผิดชอบใด ๆ กับสิ่งที่ตนเองได้สร้างความเสียหายไว้ มีหน้าที่ปั้นน้ำเป็นตัว กับข่าวต่อไป จุดประเด็นใหม่กลบประเด็นเก่าไปเรื่อย ๆ
การเสพสื่ออย่างเท่าทัน รู้เกม พวกปั่นกระแส สร้างราคาให้ตัวเอง เป็นการเสพสื่ออย่างมีสติ จะแสดงความเห็นก็ต้องรู้ข้อมูลที่รอบด้าน ฟังความข้างเดียว หลงตามสื่อ ตามนักพูด ดูสิครับว่าพวกนี้มันนำพาประเทศเรามาทางไหน
สื่อคือธุรกิจใหญ่ยักษ์ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนนับแสนล้านบาท ในโลกของธุรกิจ อย่าไปถามหาเรื่องจรรยาบรรณ หรืออุดมการณ์ มีแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่ต้องมีภูมิคุ้มกัน ตั้งสติก่อนเสพสื่อนะครับ จะได้ไม่เงิบ
ปล. บุคคลที่โดนกระแสสังคมกระหน่ำ เช่น พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี , พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น , ทนายอัจฉริยะ ช่วงนั้นโดนด่าเละเทะเลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น