จากกรณีมีข่าวว่าเด็กหญิงวัย 15 ปี ถูกตัวแทนลิขสิทธิ์ล่อซื้อจับกุม กระทงรูปตัวการ์ตูน ที่เด็กหญิงดังกล่าวเป็นผู้ประดิษฐ์ขาย โดยล่อซื้อให้นำมาส่งและทำการจับกุมตัวดำเนินคดีที่ สภ.เมืองราชสีมา และได้มีการเรียกเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อไกล่เกลี่ยไม่ต้องฟ้องศาล สุดท้ายตำรวจไกล่เกลี่ยเหลือ 5,000 บาท
คดีนี้มีจุดที่น่าสังเกตุอยู่หลายประการ ซึ่งรับฟังจากข่าวตามสื่อต่าง ๆ จะขอแจกแจงเป็นข้อ ๆ ดังนี้ครับ
- มีการตรวจสอบการรับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์หรือไม่ ต้องมีหนังสือมอบอำนาจระบุชัดเจน
- มีการลงประจำวันก่อนไปล่อซื้อจับกุมหรือไม่
- มีการตรวจสอบกระทงของกลางหรือยัง ว่าละเมิดลิขสิทธิ์ตามองค์ประกอบครบหรือไม่(แค่ลายเส้น รูปทรง ต่างไปนิดเดียวก็ไม่ใช่การละเมิดแล้ว)
- กรณีเป็นเยาวชนได้ดำเนินการตามหลักกฎหมายถูกต้อง ครบถ้วนหรือเปล่า
- มีการสั่งทำกระทงโดยใคร มีหลักฐานและดำเนินการอย่างไรกับผู้สั่งทำหรือไม่ เพราะอาจอยู่ในฐานะตัวการร่วม
- ขอดูบันทึกไกล่เกลี่ยที่มีการจ่ายเงินหน่อย มีใครลงชื่อบ้าง ความซวยอาจมาเยือน
ตอนนี้มีข่าวว่า เจ้าของลิขสิทธิไม่ได้มีการมอบหมายให้ผู้ใดทำการจับลิขสิทธิ์ผิดกฎหมายตามที่เป็นข่าว ส่วนเด็กหญิงที่ถูกจับก็ยืนยันว่ามีการล่อซื้อ สั่งให้ทำกระทงโดยระบุเป็นรูปตัวการ์ตูน และนัดสถานที่ส่งของ เมื่อไปถึงก็ถูกจับกุมดังกล่าว
เมื่อเรื่องราวเปิดเผยออกมาแบบนี้ แสดงว่า คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ต้องมีการทำเป็นขบวนการ จงใจว่าจ้างคนที่ไม่รู้กฎหมายให้กระทำผิด หรืออาจไม่ผิด แต่ข่มขู่ให้เข้าใจว่าผิดกฎหมาย ถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดีต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินหลายหมื่นบาท เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนจะอ้างได้หรือว่าไม่รู้ ไม่เห็น หากมีการตรวจสอบจริง ๆ ตามข้อสังเกตุข้างต้น
อาจมีการแบ่งเงินกันกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทำมาหากินกับความไร้เดียงสา กับความไม่รู้ ของคนอื่น มันไม่ใช่การรักษากฎหมาย แต่มันคือมิจฉาชีพ ยิ่งได้รู้ว่าน้องเยาวชน รู้จักทำมาหากินแบ่งเบาภาระพ่อแม่ มันยิ่งรู้สึกแย่จริง ๆ
แนะนำให้สมาคมทนายความ หรือ ผู้รู้กฎหมาย "ฟ้องกลับ" เรียกค่าเสียหาย สักสามแสน เป็นทุนการศึกษาให้น้องเขาหน่อย เอาให้แม่งเข็ดไปเลย มาดูกฎหมาย ป.อาญา มาตรา 337 เกี่ยวกับการกรรโชกทรัพย์กันครับ
มาตรา ๓๓๗ ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๓๓๗ ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
ปล. ล่าสุดมันบอกจะเอาเงินมาคืน รับเงินแล้วอย่ายอมนะลูก เอาค่าเทอมจากมันด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น