ได้เห็นอุปกรณ์เครื่องมืออันทันสมัยของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) แล้วก็ได้แต่ส่ายหัวอีกครั้ง กับแนวคิดหรือนโยบายของผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับการใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ไปกับการ "ถลุง" เพื่อสร้างอาณาจักร สร้างบารมีส่วนตน ใช้อุปกรณ์ไม่ถูกกับงาน ฯลฯ พี่น้องตำรวจทั่วประเทศได้แต่มองตาปริบ ๆ เบ้ปาก มองบนกันเป็นแถว
มาดูส่วนหนึ่งของการใช้งบประมาณอย่างที่ว่ากันครับ .... สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นหน่วยที่รู้กันอยู่ว่าช่วง คสช. เรืองอำนาจ ได้ส่งนายพลคนใกล้ชิดมาคุม เอาเป็นว่าชื่อ นายพลข้าวต้มเหลว ก็แล้วกัน นอกจากไต่ระดับยศด้วยความรวดเร็วสุด ๆ แล้ว ยังเข้ามาก้าวก่ายการแต่งตั้งจนเบอร์ 1 ขององค์กร ทำอะไรไม่ได้เลย ข่าวการซื้อขายตำแหน่ง หอบเงินเข้าบ้านพี่ใหญ่ ก็สะพัดหนักสุดในช่วงนี้(ซึ่งแน่นอนว่า น่าจะมิใช่ไม่เป็นความจริง)
เมื่อลูกรักอย่าง นายพลข้าวต้มเหลว มาสิงในหน่วยอย่าง สตม. แน่นอนว่างบประมาณมหาศาลย่อมไหลเข้าไปตามคำบัญชาของท่าน อยากได้อะไรล่ะ แม้ไม่มีความจำเป็นก็สามารถจัดให้ได้ ค่าหัวคิวมีไม่มีไม่รู้ได้ แต่ซื้อกระจายเลยพี่น้อง ทั้งรถสายตรวจหรู เครื่องไบโอเมทริกซ์ อาคาร ฯลฯ
มาดูรถสายตรวจของ สตม. ตามรูป นั่นคือรถ BMW 330 e ราคาท้องตลาดก็ 2.2 ล้าน เป็นรถ Plug-in hybrid เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ขับเคลื่อนร่วมกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า เอาเฉพาะตัวรถสุดหรูนี่ก็มีคำถามแล้วว่า ทำไมต้องซื้อรถยุโรปที่แพงขนาดนี้ เดิมเป็นรถค่ายญี่ปุ่นที่ผลิตในประเทศ ถูกกว่าครึ่งนึง ภารกิจก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้ความเร็วหรือสมรรถนะขนาดนั้น
มาถึงอุปกรณ์ที่ติดตั้งทั้งภายใน และภายนอก นั่นคือกล้องตรวจจับทะเบียนรถ และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ที่มาพร้อมซอฟท์แวร์สำหรับการตรวจหาป้ายทะเบียนที่ถูกแจ้งหาย อายัด ปลอม หรือสวมป้ายทะเบียน ซึ่งมันก็ดี แต่มันใช่หน้าที่ของ สตม. หรือ ? ภารกิจแบบนี้ควรมอบอุปกรณ์ให้กับสายตรวจโรงพัก หรือตำรวจทางหลวงจะเหมาะกว่า
ทะเบียนตราโล่ แสดงว่าไม่ใช่รถเช่า เป็นรถของทางราชการ แน่นอนว่าต้องจัดสรรงบประมาณในการดูแลรักษาไม่ใช่น้อย รวมถึงการทำประกันภัยชั้น 1 แค่ซื้อรถแพงก็เป็นภาระงบประมาณอยู่แล้ว ยังต้องสิ้นเปลืองกับการดูแลรักษาและประกันภัยอีก สุดท้ายก็ต้องไปหั่นงบส่วนอื่นมาโปะนั่นแหละ
แล้วพลขับประจำรถเขาก็ไม่อยากจะจับหรอก ความรับผิดชอบเยอะเกินเงินเดือนเขาไปมาก ขับออกมาทีก็เครียด ไม่ค่อยกล้าใช้งาน ทำให้ไม่ได้มีผลงาน ผลการปฏิบัติสมกับที่ติดตั้งอุปกรณ์ราคาแพง คิดดูว่าถ้าเอาอุปกรณ์เหล่านี้ไปติดรถยนต์กระบะ 4 ประตู ของสายตรวจ เอาแค่จังหวัดละ 1 - 2 คัน ก็น่าจะช่วยงานตำรวจท้องที่ได้มากอยู่ น่าจะตอบโจทย์การใช้ภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่า
คอมพิวเตอร์ติดรถยนต์สายตรวจที่เราเคยเห็นในภาพยนต์ต่างประเทศ ซึ่งสามารถใช้งานในการตรวจสอบข้อมูลบุคคล หมายจับ ทะเบียนรถได้นั้น ควรเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการทำงานของสายตรวจ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่รับผิดชอบ แต่ไหงไปทุ่มงบติดตั้งให้หน่วยอย่าง สตม. ที่ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เรื่องแบบนี้แก้ไขได้นะ ถ้า ตร. สั่งการให้บริษัทย้ายอุปกรณ์ไปติดรถสายตรวจแต่ละจังหวัดแทน ค่าย้ายอุปกรณ์คงไม่มากถ้าเทียบกับความคุ้มค่าที่จะได้รับ ไม่รู้ว่าติดตั้งไปทั่วประเทศจำนวนเท่าไหร่ กรรมาธิการตำรวจ หรือ กรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตฯ น่าตามตรวจสอบหน่อยนะครับ
ตำรวจบ้านนอก
แล้วพลขับประจำรถเขาก็ไม่อยากจะจับหรอก ความรับผิดชอบเยอะเกินเงินเดือนเขาไปมาก ขับออกมาทีก็เครียด ไม่ค่อยกล้าใช้งาน ทำให้ไม่ได้มีผลงาน ผลการปฏิบัติสมกับที่ติดตั้งอุปกรณ์ราคาแพง คิดดูว่าถ้าเอาอุปกรณ์เหล่านี้ไปติดรถยนต์กระบะ 4 ประตู ของสายตรวจ เอาแค่จังหวัดละ 1 - 2 คัน ก็น่าจะช่วยงานตำรวจท้องที่ได้มากอยู่ น่าจะตอบโจทย์การใช้ภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่า
คอมพิวเตอร์ติดรถยนต์สายตรวจที่เราเคยเห็นในภาพยนต์ต่างประเทศ ซึ่งสามารถใช้งานในการตรวจสอบข้อมูลบุคคล หมายจับ ทะเบียนรถได้นั้น ควรเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการทำงานของสายตรวจ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่รับผิดชอบ แต่ไหงไปทุ่มงบติดตั้งให้หน่วยอย่าง สตม. ที่ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เรื่องแบบนี้แก้ไขได้นะ ถ้า ตร. สั่งการให้บริษัทย้ายอุปกรณ์ไปติดรถสายตรวจแต่ละจังหวัดแทน ค่าย้ายอุปกรณ์คงไม่มากถ้าเทียบกับความคุ้มค่าที่จะได้รับ ไม่รู้ว่าติดตั้งไปทั่วประเทศจำนวนเท่าไหร่ กรรมาธิการตำรวจ หรือ กรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตฯ น่าตามตรวจสอบหน่อยนะครับ
ตำรวจบ้านนอก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น