ของอย่างนี้ควรอยู่ในรถสายตรวจโรงพัก !?


ได้เห็นอุปกรณ์เครื่องมืออันทันสมัยของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) แล้วก็ได้แต่ส่ายหัวอีกครั้ง กับแนวคิดหรือนโยบายของผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   กับการใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ไปกับการ "ถลุง" เพื่อสร้างอาณาจักร  สร้างบารมีส่วนตน  ใช้อุปกรณ์ไม่ถูกกับงาน  ฯลฯ  พี่น้องตำรวจทั่วประเทศได้แต่มองตาปริบ ๆ เบ้ปาก มองบนกันเป็นแถว

     มาดูส่วนหนึ่งของการใช้งบประมาณอย่างที่ว่ากันครับ .... สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นหน่วยที่รู้กันอยู่ว่าช่วง คสช. เรืองอำนาจ   ได้ส่งนายพลคนใกล้ชิดมาคุม   เอาเป็นว่าชื่อ นายพลข้าวต้มเหลว ก็แล้วกัน  นอกจากไต่ระดับยศด้วยความรวดเร็วสุด ๆ แล้ว  ยังเข้ามาก้าวก่ายการแต่งตั้งจนเบอร์ 1 ขององค์กร ทำอะไรไม่ได้เลย   ข่าวการซื้อขายตำแหน่ง หอบเงินเข้าบ้านพี่ใหญ่ ก็สะพัดหนักสุดในช่วงนี้(ซึ่งแน่นอนว่า น่าจะมิใช่ไม่เป็นความจริง) 

     เมื่อลูกรักอย่าง นายพลข้าวต้มเหลว มาสิงในหน่วยอย่าง สตม.  แน่นอนว่างบประมาณมหาศาลย่อมไหลเข้าไปตามคำบัญชาของท่าน  อยากได้อะไรล่ะ  แม้ไม่มีความจำเป็นก็สามารถจัดให้ได้  ค่าหัวคิวมีไม่มีไม่รู้ได้  แต่ซื้อกระจายเลยพี่น้อง  ทั้งรถสายตรวจหรู  เครื่องไบโอเมทริกซ์  อาคาร ฯลฯ

     มาดูรถสายตรวจของ สตม.  ตามรูป นั่นคือรถ BMW 330 e ราคาท้องตลาดก็ 2.2 ล้าน  เป็นรถ  Plug-in hybrid เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร  ขับเคลื่อนร่วมกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า   เอาเฉพาะตัวรถสุดหรูนี่ก็มีคำถามแล้วว่า  ทำไมต้องซื้อรถยุโรปที่แพงขนาดนี้  เดิมเป็นรถค่ายญี่ปุ่นที่ผลิตในประเทศ ถูกกว่าครึ่งนึง   ภารกิจก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้ความเร็วหรือสมรรถนะขนาดนั้น



     มาถึงอุปกรณ์ที่ติดตั้งทั้งภายใน และภายนอก  นั่นคือกล้องตรวจจับทะเบียนรถ และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ที่มาพร้อมซอฟท์แวร์สำหรับการตรวจหาป้ายทะเบียนที่ถูกแจ้งหาย อายัด ปลอม หรือสวมป้ายทะเบียน  ซึ่งมันก็ดี  แต่มันใช่หน้าที่ของ สตม. หรือ ?  ภารกิจแบบนี้ควรมอบอุปกรณ์ให้กับสายตรวจโรงพัก หรือตำรวจทางหลวงจะเหมาะกว่า

     ทะเบียนตราโล่ แสดงว่าไม่ใช่รถเช่า เป็นรถของทางราชการ  แน่นอนว่าต้องจัดสรรงบประมาณในการดูแลรักษาไม่ใช่น้อย  รวมถึงการทำประกันภัยชั้น 1   แค่ซื้อรถแพงก็เป็นภาระงบประมาณอยู่แล้ว ยังต้องสิ้นเปลืองกับการดูแลรักษาและประกันภัยอีก  สุดท้ายก็ต้องไปหั่นงบส่วนอื่นมาโปะนั่นแหละ

     แล้วพลขับประจำรถเขาก็ไม่อยากจะจับหรอก  ความรับผิดชอบเยอะเกินเงินเดือนเขาไปมาก  ขับออกมาทีก็เครียด   ไม่ค่อยกล้าใช้งาน  ทำให้ไม่ได้มีผลงาน ผลการปฏิบัติสมกับที่ติดตั้งอุปกรณ์ราคาแพง  คิดดูว่าถ้าเอาอุปกรณ์เหล่านี้ไปติดรถยนต์กระบะ 4 ประตู ของสายตรวจ  เอาแค่จังหวัดละ 1 - 2 คัน  ก็น่าจะช่วยงานตำรวจท้องที่ได้มากอยู่   น่าจะตอบโจทย์การใช้ภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่า

     คอมพิวเตอร์ติดรถยนต์สายตรวจที่เราเคยเห็นในภาพยนต์ต่างประเทศ  ซึ่งสามารถใช้งานในการตรวจสอบข้อมูลบุคคล หมายจับ ทะเบียนรถได้นั้น  ควรเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการทำงานของสายตรวจ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่รับผิดชอบ  แต่ไหงไปทุ่มงบติดตั้งให้หน่วยอย่าง สตม. ที่ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง  เรื่องแบบนี้แก้ไขได้นะ  ถ้า ตร. สั่งการให้บริษัทย้ายอุปกรณ์ไปติดรถสายตรวจแต่ละจังหวัดแทน  ค่าย้ายอุปกรณ์คงไม่มากถ้าเทียบกับความคุ้มค่าที่จะได้รับ   ไม่รู้ว่าติดตั้งไปทั่วประเทศจำนวนเท่าไหร่   กรรมาธิการตำรวจ หรือ กรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตฯ น่าตามตรวจสอบหน่อยนะครับ

ตำรวจบ้านนอก

ความคิดเห็น