โดยที่มาตรา ๒๕๘ ง. ด้านกระบวนการยุติธรรม (๔) ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้ดำเนินการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมให้เกิดผลในการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับหน้าที่ อำนาจ และภารกิจของตำรวจให้เหมาะสม และแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจให้เกิดประสิทธิภาพ มีหลักประกันว่าข้าราชการตำรวจจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้าย และการพิจารณาบำเหน็จความชอบตามระบบคุณธรรมที่ชัดเจน
ซึ่งในการพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายต้องคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ ความสามารถประกอบกัน เพื่อให้ข้าราชการตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามวิชาชีพได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใด มีประสิทธิภาพและภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตน จึงสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติโดยโอนย้ายภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถปฏิบัติหน้าที่ ที่เป็นภารกิจหลักและบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว แก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจให้เกิดประสิทธิภาพ โดยแบ่งออกเป็นสายงานต่าง ๆ เพื่อให้ข้าราชการตำรวจในแต่ละสายงานสามารถเจริญเติบโตตามสายงานด้วยความรู้ความชำนาญในสายงานของตน
การกำหนดกระบวนการในการแต่งตั้งและเลื่อนตำแหน่งไว้ให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงอาวุโส ความรู้ความสามารถ และความพึงพอใจในบริการที่ประชาชนได้รับ ให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์เรื่องร้องทุกข์ รวมทั้งการกำหนดระบบคุณธรรมให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นที่พึ่งของข้าราชการตำรวจในการปลดเปลื้องทุกข์ของข้าราชการตำรวจ ที่เกิดจากผู้บังคับบัญชา รวมทั้งให้มีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ เพื่อเป็นกลไกสำหรับประชาชนในการร้องเรียนการปฏิบัติที่ไม่ชอบของข้าราชการตำรวจ อันเป็นการปลดเปลื้องทุกข์ของประชาชนที่เกิดจากการกระทำของตำรวจ ตลอดจนให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ โดยการให้เงินอุดหนุนแก่สถานีตำรวจเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในสถานีตำรวจนั้น และจัดตั้งกองทุนเพื่อการสืบสวนสอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา เพื่อเป็นแหล่งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี
ข้างต้นนี้คือหลักการและเหตุผลสำหรับการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2563 (ย้ำ ยังเป็นร่าง. และใช้คำว่า ตำรวจแห่งชาติ จากเดิมที่ใช้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ) ขอสรุปเนื้อหาคร่าว ๆ ไว้ดังนี้ครับ
1) การเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น -รอง สว.>สว. ไม่น้อยกว่า 7 ปี (เท่าเดิม)
-สว.>รอง ผกก. ไม่น้อยกว่า 4 ปี (เดิม 6 ปี)
-รอง ผกก.>ผกก. ไม่น้อยกว่า 4 ปี (เท่าเดิม)
-ผกก.>รอง ผบก. ไม่น้อยกว่า 4 ปี (เดิม 5 ปี)
-รอง ผบก.>ผบก. ไม่น้อยกว่า 4 ปี (เดิม 5 ปี)
-ผบก.>รอง ผบช. ไม่น้อยกว่า 3 ปี (เดิม 2 ปี)
-รอง ผบช.>ผบช. ไม่น้อยกว่า 2 ปี (เดิม 1 ปี)
-ผบช.>ผช.ผบ. ไม่น้อยกว่า 2 ปี (เดิม 1 ปี)
-ผช.ผบ.>รอง ผบ./จตร. ไม่น้อยกว่า 1 ปี (เท่าเดิม)
-รอง ผบ./จตร.>ผบ.ตร. 0 ปี (เดิม 1 ปี)
2) มีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ /ก.ตร. เท่านั้น ยกเลิก ก.ตช.
3) มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ และ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ
4) มีการประเมินข้าราชการตำรวจโดยใช้คะแนน เพื่อใช้ในการแต่งตั้งโยกย้าย
5) แบ่งสายงานข้าราชการตำรวจออกเป็น 5 สายงาน คือ งานป้องกันปราบปราม งานสืบสวน งานสอบสวน งานอำนวยการ งานความมั่นคง(จิตอาสา)
6) มีแท่งสายงานสอบสวน เลื่อนตำแหน่งโดยการประเมินเลื่อนไหล ตั้งแต่ง รองสารวัตร- รองผู้กำกับการ โดยมีตำแหน่งแต่ละระดับดังนี้.- -ผู้บัญชาการสอบสวน -รองผู้บัญชาการสอบสวน -ผู้บังคับการสอบสวน -รองผู้บังคับการสอบสวน -ผู้กำกับการสอบสวน -รองผู้กำกับการสอบสว -สารวัตรสอบสวน -รองสารวัตรสอบสวน (โดยไม่มีวงเล็บของชื่อตำแหน่ง)
นอกจากนี้ก็ยังมีรายละเอียดเรื่องเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งต่าง ๆ เป็นตารางประกอบท้ายร่าง รวมแล้ว 64 หน้า ถ้าไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ก็จะได้ใช้กันในปีนี้ ถือเป็นการปฏิรูปตำรวจตามรัฐธรรมนูญที่คั่งค้างมานาน (ไม่รู้ว่าโหวตคราวนี้สภาจะล่มอีกรึเปล่า)
ดูรวม ๆ ท่าจะดี แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็อยู่ที่ผู้ใช้กฎหมาย ผู้มีอำนาจ ว่าจะยอมปล่อยอำนาจในมือมาเพื่อสร้างระบบที่ดีขึ้นหรือไม่ จะมีการขอยกเว้นกฎกันอีกหรือเปล่า ต้องดูกันต่อไปครับ
ดูรวม ๆ ท่าจะดี แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็อยู่ที่ผู้ใช้กฎหมาย ผู้มีอำนาจ ว่าจะยอมปล่อยอำนาจในมือมาเพื่อสร้างระบบที่ดีขึ้นหรือไม่ จะมีการขอยกเว้นกฎกันอีกหรือเปล่า ต้องดูกันต่อไปครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น