ผบ.ตร. ออก 6 มาตรการ รองรับ Covid19


เมื่อวันที่ 18 มีนาคม  ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ท.ปิยะ  อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.  แถลงถึงมาตรการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด19  โดยดำเนินการตามแนวทางของ มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา   พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผบ.ตร.  จึงได้มีวิทยุสั่งการเร่งด่วนให้ทุกหน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและข้าราชการตำรวจทุกนาย  ดำเนินการอย่างเต็มกำลังความสามารถในการสนับสนุนและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019(Covid19) เป็นมาตรการ 6 ด้าน ดังนี้
  1. ด้านสาธารณสุข  การป้องกันสกัดกั้นการนำเชื้อเข้าสู่ประเทศไทย มอบหมายให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รับผิดชอบการดำเนินการต่อคนเข้าเมือง  โดยเฉพาะบริเวณท่าอากาศยานนานาชาติ  ด่าน ตม.ชายแดน  จุดผ่านแดนทุกแห่งทั่วประเทศ และเมื่อได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศแล้ว ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว  ร่วมกันรับผิดชอบตรวจสอบติดตามการอยู่ในประเทศให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต  กรณีพบว่ามีลักษณะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ  ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการโดยด่วน
  2. ด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน มอบหมายให้ โรงพยาบาลตำรวจ รับผิดชอบสำรวจเวชภัณฑ์ป้องกันที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติภารกิจทุกประเภท  โดยเฉพาะการตรวจ ป้องกัน รักษาข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และประชาชนที่เข้ามารับบริการ ณ โรงพยาบาลตำรวจ  และ โรงพยาบาลทุกแห่งในสังกัด  รวมทั้งเตรียมการเพื่อรองรับภารกิจพิเศษที่ได้รับมอบหมายเพิ่มเติมตามแผนในระยะต่อไป
  3. ด้านข้อมูล การชี้แจงและการร้องเรียน มอบหมายให้ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบเฝ้าฟังและติดตามการชี้แจงข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล(กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์ข้อมูลโควิด-19) แล้วแจ้งศูนย์ข้อมูลทุกแห่งทราบเป็นแนวทางในการตอบคำถามผ่านโทรศัพท์สายด่วน โดยเฉพาะศูนย์ 191 ทั่วประเทศ  และเมื่อศูนย์ 191 ได้รับแจ้งข้อมูลเบาะแสสำคัญที่จะต้องดำเนินการต่อ ให้แจ้งศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านหมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1599 เพื่อรายงานศูนย์ข้อมูลโควิด-19 โดยเร็วที่สุด
  4. ด่านมาตรการป้องกัน มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 รับผิดชอบสนับสนุนการตรวจตราการปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้น เช่น สถานบริการ สถานประกอบการ ที่เปิดให้บริการในลักษณะสถานบริการ สถานประกอบกิจการ อาบ อบ นวด  โรงภาพยนต์  สนามมวย  สนามกีฬา  สนามม้า และการประกาศงดกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากในทุกกรณี ทั้งนี้เป็นไปตามที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด/ผู้ว่า กทม. ประกาศกำหนด ตามนัยแห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558  สำหรับการตรวจตรา เฝ้าระวังตามมาตรการป้องกัน สำหรับพื้นที่/สถานที่ที่ยังต้องเปิดให้บริการ  ให้ประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ/หน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผน เตรียมความพร้อมให้สามารถสนับสนุนการปฏิบัติได้ทันทีเมื่อได้รับคำสั่งหรือได้รับการร้องขอ  โดย ผู้บัญชการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการ ภ.1-9  และ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทุกแห่ง ต้องกำหนดผู้ติดต่อประสานงานโดยตรง กับกรุงเทพมหานคร และ จังหวัดซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบแนวทางเพิ่มกลไกการกำกับดูแลในระดับพื้นที่ ตามมติ ครม. แล้วแต่กรณี
  5. ด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  รับผิดชอบเพิ่มความเข้มงวดในการสืบสวนจับกุมการปล่อยเงินกู้นอกระบบ และการดำเนินการตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องการควบคุมสินค้าและบริการ รวมทั้งเร่งป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท ที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน  โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับทรัยพ์ การโจรกรรมทรัพย์สินในเคหะสถาน ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ และการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์
  6. ด้านอื่น ๆ เพื่อป้องกันตนเอง และครอบครัวให้ปลอดภัยจากการรับเชื้อ
    1. ปฏิบัติตามมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ให้งดการเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นพื้นที่เขตติดโรคติดต่ออันตรายและพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ แต่ยังต้องเปิดให้บริการอยู่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานที่ราชการและรัฐวิสาหกิจ ร้านค้า ร้านอาหาร รวมทั้งขนส่งสาธารณะทุกประเภท  หากจำเป็นต้องเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดโดยเคร่งครัด
    2. ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ต้องจัดให้มีการตรวจคัดกรอง ด้วยการวัดอุณภูมิก่อนเข้าอาคาร/สถานที่ทำการ หรือการคัดกรองด้วยวิธีการหรือเครื่องมืออื่นที่เหมาะสม สำหรับกำลังพลที่ปฏิบัติงานสัมผัสกับประชาชน ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อย ๆ/ใช้เจล/แอลกอฮอล์ล้างมือ สวมถุงมือยางขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะการตรวจค้น สัมผัสกับบุคคล เอกสาร ยานพาหนะ ทรัพย์สินหรือสิ่งของ/ของกลางในคดี โดยประสานกัน โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
    3. ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแนวทางการเหลื่อมเวลาทำงาน เหลื่อมเวลาพักรับประทานอาหาร จัดที่นั่งรับประทานอาหารให้ห่างกันในระยะปลอดภัย ตลอดจนพิจารณางานที่เหมาะสม และสามารถมอบหมายให้ทำที่บ้านแทนได้  แต่จะต้องคำนึงถึงชั้นความลับ/ความสำเร็จของงานเป็นสำคัญ และต้องไม่เกิดความเสียหายโดยเด็ดขาด
************************


     ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อห่วงใยจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผบ.ตร.  นอกเหนือจากที่ได้กำชับในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และครอบครัว ดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง  และป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อโควิด19  เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสีย ไม่เป็นภาระกับงานสาธารณสุข และยังเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอีกด้วย  รับทราบและช่วยแชร์กันด้วยครับ




ความคิดเห็น