เมื่อวันจันทร์ที่ 26 พ.ค. 63 มีข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองมินนิอาโพลิส ทำการจับกุมชายต้องสงสัยผิวดำคนหนึ่ง แล้วใช้เข่ากดที่คอในท่านอนคว่ำหน้าหลายนาที ทั้ง ๆ ที่ผู้ต้องสงสัยถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังแล้ว โดยในขณะนั้น ผู้ต้องสงสัยได้ร้องบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่า i can't breathe .. ผมหายใจไม่ออก โดยในขณะจับกุมตัวนั้น ได้มีผู้ถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ได้ และได้เห็นถึงสภาพของผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในอาการทรมานจริง ๆ ไม่นานหลังจากนั้นผู้ต้องสงสัยดังกล่าวก็เสียขีวิต
พอคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไปทำให้เกิดกระแสเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนผิวสี ซึ่งเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว ทำร้ายผู้ต้องสงสัยผิวสี ล่าสุดมีการออกมาประท้วงอย่างรุนแรงในเมืองมินนิอาโพลิส มีการเผาทำลายทรัพย์สิน มีการใช้แก๊สน้ำตาปราบปรามการจราจล ฯลฯ เรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตัวทั้ง 4 นาย(หนึ่งในนั้นมีเชื้อสายเอเซียอยู่ด้วย) แม้ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 จะถูกไล่ออกไปแล้วก็ตาม
การจับกุมที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ มีให้ได้เห็นกันอยู่เสมอ ทั้งในประเทศเราเอง และในต่างประเทศ ทุกครั้งจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดของทั้งสองฝ่ายเสมอ และทำให้ภาพลักษณ์องค์กรตกต่ำ ขาดความน่าเชื่อถือ
ทราบดีครับว่าในการทำงานกับผู้ต้องสงสัยนั้นมีความเสี่ยง ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่ประมาท เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่เราเข้าไปตรวจสอบนั้น หนีหมายจับคดีใดมาหรือไม่ สภาพจิตใจเป็นอย่างไร มีอาวุธพร้อมต่อสู้หรือไม่ ฯลฯ แต่เมื่อสามารถจับกุมตัว ใช้เครื่องพันธนาการได้แล้วนั้น ก็ไม่ควรจะปฏิบัติกับผู้ต้องหาอย่างภาพข้างบน มันเหมือนกับการเอาอคติ หรืออารมณ์ส่วนตัวเข้ามามีส่วนในการปฏิบัติงาน
สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพึงตระหนักคือ ความชอบธรรมของการจับกุมจะเสียไป หากมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เกินเลยความจำเป็น เราเป็นผู้รักษากฎหมาย การทำงานต้องรักษามาตรฐาน รักษากฎหมาย แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีกฎใด ๆ เลยก็ตาม
.. ตำรวจฝั่งทน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น