ปัญหาการขอใบ ป.3 ปืนสวัสดิการ Sig Sauer P365


เพื่อนข้าราชการตำรวจหลายคน  หรือบรรดาเพื่อนข้าราชการที่มีสิทธิซื้ออาวุธปืนในโครงการสวัสดิการ Sig Sauer P365  คงเคยได้ทราบข่าวหรือประสบด้วยตนเอง เกี่ยวกับการขอใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน (แบบ ป.3)  ที่มีปัญหาสารพัดแบบ   บางอย่างก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากสมองของผู้นำระดับ "นายอำเภอ"  อาทิ

     ประวิงเวลาในการพิจารณาคำขอ  ถ้าไม่วิ่งเต้น มีซองขาวบรรจุธนบัตรแนบไปด้วย

     ตรวจสอบคุณสมบัติเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด  เช่น  ผู้ขอใบ ป.3  ต้องไปประเมินสุขภาพจิต  หรือ ขอหนังสือรับรองจากการผ่านการอบรมยิงปืน  ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ออกใบ ป.3 กันเป็นร้อย เป็นพัน  ไม่เคยต้องใช้มาตรฐานเช่นนี้แต่อย่างใด

     เรียกค่าใช้จ่ายใต้โต๊ะ  ว่ากันว่าอย่างน้อยต้องมีหลายพันต่อกระบอก  เป็นที่รู้กัน

     ปัญหาข้างต้นนี้ได้สะท้อนไปถึงกระทรวงมหาดไทย จึงได้มีหนังสือชี้แจงทำความเข้าใจให้กับผู้ว่าราชการทุกจังหวัด  ให้ไปบอกนายทะเบียนอาวุธปืนประจำท้องที่ ซึ่งก็คือนายอำเภอทุกแห่ง ให้ดำเนิการพิจารณาคำขอ แบบ ป.3  ให้ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมายโดยเคร่งครัด ดังนี้

  • ห้ามมิให้พิจารณาเกินกว่าขอบเขตที่กฎหมายกำหนด เช่น การประเมินสุขภาพจิต  เรียกใบรับรองแพทย์ ใบรับรองทดสอบสมรรถภาพการใช้อาวุธปืน
  • ห้ามมิให้พิจารณาล่าช้าเกินกว่าที่กำหนดไว้ในคู่มือฯ เด็ดขาด
  • สำหรับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยงาน ที่มีสถานภาพความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่ ณ วันที่ยื่นคำขอประกอบกับมีหนังสือรับรองความประพฤติจากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดนั้น ถือว่าเป็นหลักประกันในด้านคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามฯ  จึงไม่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติด้วยวิธีการพิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบฯ
     ต้องขอบคุณทางกระทรวงมหาดไทย  ที่ออกหนังสือดังกล่าวมาเพื่อแก้ปัญหาการพิจารณาที่ไม่เป็นมาตรฐานของนายทะเบียนทั่วประเทศ  ต่อไปนี้ก็ให้ผู้ที่มีปัญหาเกิดขึ้นในลักษณะข้างต้นนี้  พิมพ์หนังสือฉบับนี้เอาไปยื่นให้นายทะเบียนเลย  ขอทราบคำตอบว่าติดขัดตรงไหน  ไม่ก็ร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรมที่มีทุกศาลากลางจังหวัดก็ได้




     โครงการอาวุธปืนสวัสดิการก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยโครงการ  ไม่เคยมีโครงการไหน ทำราคาได้ต่ำขนาดนี้มาก่อน  เรียกได้ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำโครงการขายปืนในราคาถูกกว่าโครงการของมหาดไทย หรือกองทัพเกือบครึ่ง  ถือเป็นปรากฎการณ์ที่นาน ๆ จะมีคนบ้าพอที่จะทำ

     เพราะมันมีกระแสว่า มีส่วนต่างมหาศาล มีเงินใต้โต๊ะ งาบกันมาทั้งระบบอย่างต่อเนื่องยาวนาน   พ่อค้าอาวุธที่เสนอโคตรงการ เหมาจ่ายกันเป็นรายกระบอกให้กับผู้มีอำนาจ  ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนแค่สองหมื่นกว่า  แต่เอามาขายในราคาเกือบสองเท่า  ส่วนต่างขนาดนี้  กับผู้ซื้อที่ต้องกู้เงินมา และผ่อนปืนไปอีกหลายปี   เหตุธาตุแท้กันเลยทีเดียว(จริง ไม่จริง ก็ลองสอบถามกันดูเองนะจ๊ะ หรือถ้าจะเปิดค่าใช้จ่ายแต่ละโครงการออกมาให้สาธารณะได้รับทราบจะดีมาก กล้ารึเปล่า ?)

     โครงการสวัสดิการอาวุธปืนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติข้างต้นนี้  ถือว่าเป็นมาตรฐานของโครงการอาวุธปืนสวัสดิการ ที่ต่อไปไม่ควรปล่อยให้หากินกันจนเกินพอดีกับข้าราชการระดับผู้ปฏิบัติ ที่เงินเดือนไม่ได้มากมาย  ต้องซื้ออาวุธปืนมาประกอบเครื่องแบบในการทำงาน   หมดโครงการนี้ ไม่รู้จะมีใครกล้าทำอีกหรือไม่  เพราะไม่ได้ส่วนต่าง  แต่ต้องเหนื่อยวิ่งเต้นในการติดต่อประสานงานตั้งแต่ มหาดไทย สรรพากร  ก.คลัง  รัฐบาล  บริษัทต่างชาติ ฯลฯ   ขอบันทึกไว้ตรงนี้นะครับ สองโครงการอาวุธปืนสวัสดิการตำรวจ ในยุค พล.ต.อ.สมยศ  พุ่มพันธ์ม่วง และ ยุค พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา




ความคิดเห็น