การพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งเมืองหลวงของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ยอมทิ้งตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และ เลขาธิการ ป.ป.ส. ลงสนามในนามพรรคเพื่อไทย และก็ทำท่าจะไปได้สวยกับการประเดิมสนามการเมืองครั้งแรก เพราะนับจากเปิดตัว คะแนนนิยมก็แซงคู่แข่งอย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ฯ จากพรรคประชาธิปัตย์ และทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ ในเกือบทุกโพล
แม้จะมีการสกัดด้วยวิชามาร อย่างการขุดเรื่องเก่าตั้งแต่เรียนเมืองนอก , เรื่องเปลี่ยนชื่อเพื่อติดยศนายพลฯ , เรื่องโรงพักไทยเข้มแข็ง 396 แห่ง แต่ก็ไม่เป็นผล จนกูรูการเมืองต่างก็ฟันธงกันแล้วว่า พล.ต.อ.พงศพัศฯ จะเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนใหม่
แต่พอถึงวันเลือกตั้ง กลับกลายเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ฯ ที่นำตั้งแต่เริ่มนับคะแนน จนจบ และได้คะแนนไป 1,256,349 คะแนน ส่วนผู้แพ้อย่างพงศพัศฯ ได้ 1,077,899 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นการพ่ายแพ้ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เพราะการได้คะแนนเกินล้าน ถือว่าเป็นคนที่ 3 เท่านั้นในประวัติการเลือกตั้ง กทม.(คนแรก นายสมัคร สุนทรเวช , คนที่สองคือ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ฯ) และมีส่วนต่างคะแนนอยู่ที่ 178,450 คะแนน ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
เพราะ พล.ต.อ.พงศพัศฯ มีอายุราชการถึงปี 59 ในขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. คนปัจจุบันจะเกษียณปลายปี 57 และตัว พล.ต.อ.พงศพัศฯ มีโอกาสสูงยิ่งที่จะได้รับความไว้วางใจเป็น ผบ.ตร. คนถัดไป เพราะเป็นคนที่ภาพดี ไม่มีบาดแผล และสามารถประสานกับทุกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการได้รับความไว้วางใจจากคนกรุงเป็นล้านคน ที่สำคัญการลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. ในนามพรรคเพื่อไทย ที่ควานหาผู้เหมาะสมอยู่นานนั้น ถือว่าได้ใจ นายกยิ่งลักษณ์ฯ เป็นอย่างยิ่ง
การพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ จึงถือว่ามีแต่ได้ กับได้ สำหรับตัว พล.ต.อ.พงศพัศฯ แล้วในปี 2560 ที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ครั้งต่อไป ยิ่งน่าจับตามองเส้นทางการเมืองของชายคนนี้ พงศพัศ พงษ์เจริญ
แม้จะมีการสกัดด้วยวิชามาร อย่างการขุดเรื่องเก่าตั้งแต่เรียนเมืองนอก , เรื่องเปลี่ยนชื่อเพื่อติดยศนายพลฯ , เรื่องโรงพักไทยเข้มแข็ง 396 แห่ง แต่ก็ไม่เป็นผล จนกูรูการเมืองต่างก็ฟันธงกันแล้วว่า พล.ต.อ.พงศพัศฯ จะเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนใหม่
แต่พอถึงวันเลือกตั้ง กลับกลายเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ฯ ที่นำตั้งแต่เริ่มนับคะแนน จนจบ และได้คะแนนไป 1,256,349 คะแนน ส่วนผู้แพ้อย่างพงศพัศฯ ได้ 1,077,899 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นการพ่ายแพ้ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เพราะการได้คะแนนเกินล้าน ถือว่าเป็นคนที่ 3 เท่านั้นในประวัติการเลือกตั้ง กทม.(คนแรก นายสมัคร สุนทรเวช , คนที่สองคือ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ฯ) และมีส่วนต่างคะแนนอยู่ที่ 178,450 คะแนน ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
เพราะ พล.ต.อ.พงศพัศฯ มีอายุราชการถึงปี 59 ในขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. คนปัจจุบันจะเกษียณปลายปี 57 และตัว พล.ต.อ.พงศพัศฯ มีโอกาสสูงยิ่งที่จะได้รับความไว้วางใจเป็น ผบ.ตร. คนถัดไป เพราะเป็นคนที่ภาพดี ไม่มีบาดแผล และสามารถประสานกับทุกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการได้รับความไว้วางใจจากคนกรุงเป็นล้านคน ที่สำคัญการลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. ในนามพรรคเพื่อไทย ที่ควานหาผู้เหมาะสมอยู่นานนั้น ถือว่าได้ใจ นายกยิ่งลักษณ์ฯ เป็นอย่างยิ่ง
การพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ จึงถือว่ามีแต่ได้ กับได้ สำหรับตัว พล.ต.อ.พงศพัศฯ แล้วในปี 2560 ที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ครั้งต่อไป ยิ่งน่าจับตามองเส้นทางการเมืองของชายคนนี้ พงศพัศ พงษ์เจริญ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น