เป็นอันว่าร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2558 น่าจะผ่านออกมาบังคับใช้กันในไม่นานนี้แน่ ๆ และมีประเด็นที่เคยได้ยินกันมาแล้วในเรื่อง "ตำรวจเกณฑ์" ที่จะทำการเกณฑ์มาประจำการ ซึ่งจะใช้วิธีเดียวกับการเกณฑ์ทหาร จากเดิม ชายไทยที่มีอายุ ครบ 20 ปี จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ซึ่งมี 3 เหล่า คือ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ก็จะเพิ่มตำรวจ เข้าไป โดย จะเริ่มในเดือน พ.ค ปี 58 นี้ เบื้องต้นต้องการกำลังพล 5,000 - 10,000 นาย ขึ้นอยู่กับงบประมาณ โดยจะได้รับเงินค่าตอบแทน 9 พันบาท ต่อเดือน 2 ปี ปลดประจำการ และจะมีโควต้าบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน โดยดูจากการปฎิบัติงานและพฤติกรรมในการเป็นตำรวจกองประจำการ
ตำรวจเกณคืออะไร เหตุผลความจำเป็น
ตำรวจเกณคืออะไร เหตุผลความจำเป็น
1.ตำรวจ มีภารกิจด้าน ถปภ. งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน งานด้านความมั่นคงและการให้บริการประชาชน
2.ลักษณะงานบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรบด้านการสืบสวนสอบสวนป้องกันปราบปรามโดยตรง
3.ปัจจุบันมีปัญหาการขาดแคลนกำลังพล และกำลังพลที่มีอายุสูงขึ้น
4.การสรรหาบุคคลากรในอดีตมี
4.1การคัดเลือกและบรรจุบุคคลข้าราชการตำรวจ
4.2 การเกณฑ์บุคคลเข้ารับราชการเป็นตำรวจกองประจำการ(ตำรวจเกณฑ์) ตาม พรบ.รับข้าราชการทหาร พ.ศ.2497 และ พรบ.ระเบียบข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2521
5.พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2557 ยกเลิกชั้น พลตำรวจ
เงินเดือน เบี๊ยงเลี้ยงเงินเพิ่มค่าครองชีพ ไม่เกินเดือนละ 9,000 บาท ค่าใช่จ่ายอื่นๆในเกณฑ์ได้แก่ ค่าแบบพิมพ์ , ค่าใช้จ่ายในการส่งตัวเข้าหน่วยและเครื่องแต่งกาย ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรบหลักสูตรเช่นเดียวกับการฝึกทหาร ระยะเวลา 10 สัปดาห์ ส่วนหลักสูตรเพิ่มเติมอื่นๆ ที่มีค่าใช้จ่ายเฉพาะอุปกรณ์เครื่องช่วยฝึก วัสดุ ค่าใช้สอย หรือค่าใช้จ่ายสำหรับการฝึกนอกที่ตั้งส่วนค่าอาหารจะรวมอยู่ในเบี๊ยเลี้ยง เช่นเดียวกับการกรณีทหารเกณฑ์
วิธีการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นตำรวจกองประจำการ
ดำเนินการเช่นเดียวกับการเรียนและการตรวจเลือกคนเข้าเป็นทหารกองประจำการหรือการเกณฑ์ทหาร โดยตำรวจ จะต้องทำความตกลงกับกระทรวงกลาโหม เพื่อกำหนดจำนวนที่จะตรวจเลือกในแต่ละปีให้ฝ่ายทหารเป็นผู้เรียกและตรวจเลือก แล้วส่งบุคคลดังกล่าว ให้ฝ่ายตำรวจรับตัวเพื่อฝึกอบรมและปฏิบัติงานต่อไป วางกรอบจำนวนกำลังพลประมาณ 5000-10000 นายต่อปี
ข้อดี(พยายามคิดให้นะครับ)
ข้อเสีย
เชื่อว่าหากมีการเปิดรับสมัครตำรวจเกณฑ์ ก็คงมีเด็กหนุ่มสมัครใจเลือกจนเต็มโควต้าแน่ ๆ เหลือจับสลากไว้ให้ทหารอีกสามเหล่า เพราะอยู่กับตำรวจแน่นอนว่าเรื่องการฝึกไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ตำรวจรู้จักกฎหมาย และสิทธิมนุษยชน โอกาสที่จะทำเกินเลย ถ่อย ๆ จึงน้อย อยู่กับครูฝึกตำรวจปลอดภัยกว่าเห็น ๆ หากเป็นอย่างที่คาด คงโดนข้อหาหมั่นไส้จากสามเหล่าทัพผู้เกรียงไกร ใหญ่สุดในสามโลกอีกเป็นแน่
หากโจทย์อยู่ที่การแก้ปัญหากำลังพล และไม่สามารถเพิ่มอัตราจาก กพ. ได้ ลองกลับมาทบทวน ตรวจสอบ ส่องกระจกกันดูหน่อยมั๊ยครับ ว่าเราบริหารกำลังพลกันห่วยแตกเพียงใด เอางบประมาณก้อนดังกล่าวมาบรรจุ "ตำรวจจริง" ดีกว่าครับ มีน้อยหน่อย แต่ได้คุณภาพ บวกกับบริหารกำลังพล ลดงานธุรการ เชื่อว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องครับ จ้าวนาย !!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง ปฏิรูปตำรวจฉบับผู้ปฏิบัติ
ข้อดี(พยายามคิดให้นะครับ)
- มีกำลังพลวัยหนุ่มทดแทนสำหรับงานเฉพาะด้านบางประการ เช่น การควบคุมฝูงชน , การช่วยเหลือผู้ประสบภัย , การเสริมกำลังปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการระดมกำลังในงานต่าง ๆ เช่น ถปภ. , รักษาความปลอดภัย ฯลฯ
- สามารถคัดบุคลากรที่จะมาเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจได้ส่วนหนึ่ง
- มีกำลังพลพร้อมรับสถานการณ์พิเศษต่าง ๆ ข้างต้น
ข้อเสีย
- กำลังพลที่ได้มานั้นไม่สามารถทำงานอย่างตำรวจได้จริง เนื่องจากไม่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะด้าน จึงทำได้แต่งานที่ต้องทำตามคำสั่ง และมีการควบคุมใกล้ชิด
- สิ้นเปลืองงบประมาณ เพราะถ้าดูจากเงินเดือน 9,000 บาท/คน และให้รวมอยู่ในที่ตั้ง(อาจเป็น บช. หรือ ศฝร.) ซึ่งต้องมีการประกอบเลี้ยง 3 มื้อ และที่พัก ดูแล้วเงินจำนวนเดียวกันนี้สามารถบรรจุ นายสิบตำรวจ ซึ่งเป็นข้าราชการได้เช่นกัน อาจลดจำนวนลงมาเพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณได้
- โอกาสที่จะใช้งานตำรวจเกณฑ์ มีไม่มาก ไม่น่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนแต่อย่างใด
- เป็นการแก้ปัญหากำลังพลที่ไม่ตรงจุด(คันตีน เสือกเกาตูด ว่างั้น) การขาดแคลนกำลังพลส่วนหนึ่งเพราะบริหารจัดการไม่ดีพอ เช่น มีงานธุรการมากเกินไปทำให้ต้องลดกำลังสายตรวจ(ธุรการนี่ชี้เป็นชี้ตายในการตรวจงานเอกสาร) , มีกำลังพลแฝง ช่วยราชการ ตามนาย ตามนักการเมือง ตามผู้มีบารมี , เกลี่ยกำลังพลจาก บช. , กอ.รมน. มาอยู่โรงพัก มาทำงานตำรวจจริง ๆ
- เปิดโอกาสให้มีการใช้เส้นสาย ระบบอุปถัมภ์ ในการคัดเลือกตำรวจเกณฑ์มาเป็นนายสิบตำรวจ
- ปัญหาทหารเกณฑ์ ที่ออกจากค่ายมาสร้างปัญหาในพื้นที่ เป็นอย่างไร ตำรวจเกณฑ์ อาจสร้างปัญหาหนักยิ่งกว่าก็เป็นได้
- ถูกเกณฑ์มา เหมือนโดนบังคับ เมื่อใจไม่มา จะทำอะไรมันก็ไม่ได้ผลที่ดี อาจสร้างความเสียหายต่อประชาชน และองค์กรได้
เชื่อว่าหากมีการเปิดรับสมัครตำรวจเกณฑ์ ก็คงมีเด็กหนุ่มสมัครใจเลือกจนเต็มโควต้าแน่ ๆ เหลือจับสลากไว้ให้ทหารอีกสามเหล่า เพราะอยู่กับตำรวจแน่นอนว่าเรื่องการฝึกไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ตำรวจรู้จักกฎหมาย และสิทธิมนุษยชน โอกาสที่จะทำเกินเลย ถ่อย ๆ จึงน้อย อยู่กับครูฝึกตำรวจปลอดภัยกว่าเห็น ๆ หากเป็นอย่างที่คาด คงโดนข้อหาหมั่นไส้จากสามเหล่าทัพผู้เกรียงไกร ใหญ่สุดในสามโลกอีกเป็นแน่
หากโจทย์อยู่ที่การแก้ปัญหากำลังพล และไม่สามารถเพิ่มอัตราจาก กพ. ได้ ลองกลับมาทบทวน ตรวจสอบ ส่องกระจกกันดูหน่อยมั๊ยครับ ว่าเราบริหารกำลังพลกันห่วยแตกเพียงใด เอางบประมาณก้อนดังกล่าวมาบรรจุ "ตำรวจจริง" ดีกว่าครับ มีน้อยหน่อย แต่ได้คุณภาพ บวกกับบริหารกำลังพล ลดงานธุรการ เชื่อว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องครับ จ้าวนาย !!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง ปฏิรูปตำรวจฉบับผู้ปฏิบัติ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น