หลายวันก่อนได้มีโอกาสเข้ากรุง ดินแดนสุดยอดของยุทธภพ ที่ต้องแก่งแย่ง แข่งขัน ห้ำหั่น เชือดเฉือน ไม่มีเพื่อนมีมิตร จริงใจ ... จำได้ว่าครั้งนึง เมื่อช่วงปลายปี 2557 กรณีเรื่อง "ป้ายโฆษณา LED" ที่ติดอยู่ทั่วกรุง โดยเฉพาะตรงจุดที่เป็นป้อมตำรวจตามแยกต่าง ๆ เป็นประเด็นที่ถูกนายตำรวจใหญ่ มาแรง หยิบยกมาใช้ในการ ถีบ หรือ ย้าย ตำรวจตั้งแต่ระดับ ผกก. - สว. ออกจาก บช.น. โดยมีการขู่ว่าเป็นการทุจริต จะฟันวินัยร้ายแรง(อ่านข่าวเก่าที่เกี่ยวข้อง)
สุดท้ายแล้วไม่ได้ยินข่าวเลยว่ามีใครโดนวินัย มีแต่เพียงการเล่าขานว่า ถูกบังคับให้ลงนาม "สมัครใจ" ย้ายออกนอกหน่วย กระเด็น กระดอน ไปอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ สรุปว่าที่ขึงขัง เล่นใหญ่ กันนั้น มันก็แค่การเขย่าให้เกิดแรงกระเพื่อมในการวิ่งเต้นกันเท่านั้น เพราะป้ายโฆษณา LED ก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
มันแปลก ๆ ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะจุดที่ติดตั้งป้ายโฆษณาดังกล่าว ไม่ได้เป็นที่ดิน หรือพื้นที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้ว ป้อมจราจร ป้อมตำรวจทั้งหลาย ที่ไปตั้งนั้น แต่ละสถานีตำรวจก็หาเงินบริจาคสร้างกันเอง ไม่ได้ขึ้นทะเบียนของหลวง ค่าไฟก็หาเงินจ่ายเอง(ก็เอาจากเจ้าของป้ายนั่นแหละ) สรุปคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือผู้บังคับบัญชา ไม่เคยได้ช่วยห่าอะไร แต่กลับจะมาเอาผิดกันอีก คนแบบนี้มันได้ขึ้นเป็นใหญ่เป็นโตได้ สังคมแม่ง .#$!+**
หลังจากความแรงในยุค คสช. ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำงานถวายหัว พาคดีอาชญากรรมให้กลายเป็นคดีการเมือง และสุดท้ายคดีแม่งเละเทะ หาตัวคนร้ายไม่ได้ ทำท่าจะขึ้นเบอร์ 1 ตร. ด้วยความกร่าง สุดท้ายพลาดเพราะคำพูดตัวเอง และสังคมก็ได้พิพากษากันไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่แค่เพราะคำพูดในวันนั้นวันเดียว แต่เป็นเพราะพฤติกรรมที่สั่งสมมาหลายต่อหลายครั้ง เริ่มแรกทำขึงขัง เล่นใหญ่ โชว์พาว สุดท้าย ... ก็อย่างที่เห็นกัน
ปล. ลองดูพาดหัวข่าวในกรณีป้ายไฟ LED ในช่วงเวลาดังกล่าว นี่มันหนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ชัด ๆ 555
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น