กรมการขนส่งทางบกถือเป็นผู้นำในเรื่องนวัตกรรมการให้บริการเบอร์ต้น ๆ ของหน่วยงานราชการไทย ล่าสุดมีการคิดค้นแอพพลิเคชั่น DLT QR LICENCE หรือ ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์บนสมาร์ตโฟน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน จะมีประโยชน์อย่างไรเดี๋ยวค่อย ๆ ดูรายละเอียดกันนะครับ
แต่ที่ต้องบอกกล่าวกันไว้ก่อนคือ อันนี้ไม่ใช่แค่การถ่ายรูปใบขับขี่เก็บไว้ในโทรศัพท์ เหมือนที่ส่งต่อ ๆ กันทางไลน์ครับ ภาพในมือถือไม่สามารถเอาไปอ้างอิงใด ๆ ได้ เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่าการปลอมแปลง ตกแต่งภาพ สามารถทำได้ง่าย ๆ เลย มาดูของจริงกันดีกว่า ว่าจะใช้งานอย่างไร
อันดับแรก ให้พี่น้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT QR LICENCE มาติดตั้งบนสมาร์ตโฟน(มีทั้งระบบ Android และ iOS) โดยลงทะเบียนด้วยอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งใบขับขี่ 1 บัตรใช้งานต่อ 1 หมายเลข จากนั้นก็สแกน QR Code ด้านหลังใบขับขี่ที่เป็นการ์ด เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลมายังสมาร์ตโฟนได้เลย ส่วนท่านที่มีใบขับขี่รุ่นเก่า ซึ่งไม่มี QR Code ก็สามารถติดต่อกับสำนักงานขนส่งทุกพื้นที่นะจ๊ะ
มีความสามารถพื้นฐานของแอพฯ DLT QR LICENCE คือ
- ใบอนุญาตขับรถเสมือนจริงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- การแสดง QR CODE ประจำใบอนุญาตขับรถ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมูล
- ตรวจสอบและแสดงข้อมูลใบอนุญาตแบบ QR Code
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการต่ออายุ, การเปลี่ยนประเภท/เปลี่ยนชนิด ใบอนุญาตชนิดต่างๆ
- แชร์ตำแหน่งและเส้นทางการเดินทาง
- รวมเลขหมายโทรศัพท์ที่จำเป็นต้องใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
- การแสดงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อช่วยเหลือทางการแพทย์
ทางกรมการขนส่งทางบก ได้ร่วมหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว เพื่อทำความเข้าใจในการปฏิบัติ ประกอบกับ เมื่อ 22 พ.ค. 62 ได้มีการออก พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยมีเนื้อความที่รองรับ แอพฯ DLT QR LICENCE (ตามภาพด้านล่าง) ซึ่งเนื้อหาดังกล่าว ก็จะต้องสอดคล้องกับกฎกระทรวง และระเบียบที่กรมการขนส่งทางบกประกาศ ซึ่งก็คือการใช้แอพฯ DLT QR LICENCE นี่เอง
หลายคนอาจสงสัยว่า แค่ใบขับขี่ใบเดียว พกไปมันไม่ง่ายกว่าเหรอ จะโหลดแอพฯ ทำไมให้หนักเครื่อง ยุ่งยากอีก อันนี้ก็แล้วแต่มุมมอง บางครั้ง บางคน อาจลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ มีแค่มือถือติดตัวไปก็มี ในอนาคตอันใกล้เราอาจไม่ต้องพกกระเป๋าสตางค์ก็เป็นได้ เรียกว่าสังคมไร้เงินสดหรือ Cashless Society เราสามารถใช้สมาร์ทโฟนจ่ายเงิน บัตรอะไรต่าง ๆ ก็เข้ามาอยู่ในแอพฯ หมด ใครสนใจก็ลองโหลดมาใช้กันได้ครับ แต่จะใช้ได้จริง ๆ มีผลรองรับในทางกฎหมาย ก็หลังจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา(22 พ.ค. 62)อีก 120 วัน ก็คือช่วงปลายเดือนกันยายน 62 นี้ ครับ
ส่วนเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนของประเทศ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่ผู้ขับขี่ขาดวินัยในการใช้รถใช้ถนน และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ประกอบกับ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522
ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว บทบัญญัติบางประการแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และกลไกในการออกใบสั่งสำหรับผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับขี่ และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมดูแลและบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัยในการจราจรทางบก จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ปล. ปัญหาที่พบและกำลังแก้ไข เช่น ผู้ที่มีใบขับขี่หลายประเภท เช่น มีรถยนต์ + มอไซด์ , หรือ รถบรรทุก + รถยนต์ มีปัญหาการเพิ่มใบขับขี่ที่สอง ไม่สามารถทำได้ คงจะแก้ไขได้เร็ว ๆ นี้ครับ
ขอบคุณบทความจาก https://thaisituation.blogspot.com/2019/06/blog-post.html
ขอบคุณบทความจาก https://thaisituation.blogspot.com/2019/06/blog-post.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น