ถึงช่วงเทศกาลไม่ว่าจะเป็นปีใหม่ หรือสงกรานต์ ที่ประชาชน ข้าราชการส่วนใหญ่ได้เดินทางพักผ่อน หรืออยู่สังสรรกับครอบครัว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ไม่สามารถจะหยุด หรือลา ได้ ต้องปฏิบัติงานกันมากกว่าการทำงานในช่วงปกติ เพราะนอกจากจะต้องรักษาความสงบเรียบร้อยที่ทำเป็นประจำแล้ว ยังต้องมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อกวดขันวินัยจราจร และต้องคุมงานรื่นเริงต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลด้วย
เริ่มจากการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ที่ส่วนมากจะใช้บริเวณหน้าตู้ยาม หรือที่พักสายตรวจ ต้องจัดเตรียมโต๊ะ เก้าอี้ เต้นท์ พัดลม ยากันยุง เครื่องดื่มร้อน-เย็น ไว้บริการผู้ปฏิบัติงาน และประชาชน จัดระบบไฟส่องสว่างเพิ่มเติม สัญญาณไฟวับวาบ กรวยยาง กระบองไฟ และอาหารสำหรับผู้ปฏิบัติงานวันละ 4 มื้อ(เพิ่มข้าวต้มมื้อดึก) ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดไม่มีงบประมาณรองรับนะครับ อุปกรณ์หลายอย่างอาจใช้ของเก่าได้บ้าง นี่ยังไม่นับการจัดทำป้ายบอกทาง ป้ายเตือนต่าง ๆ ที่หน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงอย่าง แขวงการทาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ได้ทำ ก็กลายเป็นภาระของตำรวจอีก
ในการตั้งจุดตรวจจุดสกัดดังกล่าวนั้น มีหน่วยงานที่มาร่วมปฏิบัติหน้าที่เช่น ฝา่ยปกครอง อปท. ก็มาใช้ทรัพยากรดังกล่าวร่วมกันบ้าง อาจมีเจ้านายจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งของตำรวจ หรือมหาดไทย มาตรวจเยี่ยมมอบกาแฟ เป็นกำลังใจบ้าง ก็พอช่วยได้ครับ
การรายงานยอดอุบัติเหตุนี่ เป็นอะไรที่วุ่นวายมาก เพราะข้อมูลมาจาก 3 ส่วน คือ ตำรวจ , โรงพยาบาล และ ป้องกันภัยพลเรือน ยอดมักไม่ตรงกัน เช่น คนขี่รถล้มเอง ก็ไปโรงพยาบาลเอง ตำรวจก็ไม่มีข้อมูล เป็นต้น ตัดยอดรายงานตอนเที่ยงคืน ต้องอดหลับอดนอนตรวจสอบและส่งรายงานให้ถูกต้องทุกวัน
ประเทศไทยนี่สถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเลยนะครับ ในปี 2557 มีผู้เสียชีวิต 6,985 ราย ส่วนในปี 2556 ก็มีผู้เสียชีวิตมากถึง 8,631 ราย แน่นอนว่าผู้เสียชีวิตส่วนมากใช้รถจักรยานยนต์ ไม่สวมหมวกกันน็อค และขับเร็ว ทุกรัฐบาลก็ตระหนักในเหตุดังกล่าวและกระตุ้นมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กวดขันวินัยจราจร พอตำรวจกวดขัน ประชาชนก็เกลียดตำรวจ หาว่าจับแต่คนหาเช้ากินค่ำ ทำไมไม่ไปจับผู้ร้าย ฯลฯ คือค่าหมวกกันน็อคนี่ถูกกว่าค่าปรับอีกนะครับ ใส่เถอะ ขอร้อง
การรายงานยอดอุบัติเหตุนี่ เป็นอะไรที่วุ่นวายมาก เพราะข้อมูลมาจาก 3 ส่วน คือ ตำรวจ , โรงพยาบาล และ ป้องกันภัยพลเรือน ยอดมักไม่ตรงกัน เช่น คนขี่รถล้มเอง ก็ไปโรงพยาบาลเอง ตำรวจก็ไม่มีข้อมูล เป็นต้น ตัดยอดรายงานตอนเที่ยงคืน ต้องอดหลับอดนอนตรวจสอบและส่งรายงานให้ถูกต้องทุกวัน
ประเทศไทยนี่สถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเลยนะครับ ในปี 2557 มีผู้เสียชีวิต 6,985 ราย ส่วนในปี 2556 ก็มีผู้เสียชีวิตมากถึง 8,631 ราย แน่นอนว่าผู้เสียชีวิตส่วนมากใช้รถจักรยานยนต์ ไม่สวมหมวกกันน็อค และขับเร็ว ทุกรัฐบาลก็ตระหนักในเหตุดังกล่าวและกระตุ้นมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กวดขันวินัยจราจร พอตำรวจกวดขัน ประชาชนก็เกลียดตำรวจ หาว่าจับแต่คนหาเช้ากินค่ำ ทำไมไม่ไปจับผู้ร้าย ฯลฯ คือค่าหมวกกันน็อคนี่ถูกกว่าค่าปรับอีกนะครับ ใส่เถอะ ขอร้อง
วินัยจราจร สะท้อนวินัยคนในชาติ จะเห็นได้ชัด ๆ เลยว่าคนไทยไม่เคารพกฎหมาย(รวมถึงตำรวจบางคนด้วย) ถึงขนาดมีการเรียกร้องไม่ให้ตำรวจตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร นี่ก็ว่าแปลกแล้ว และที่ตลกก็คือ เจ้านายเราเสือกรับเอามาสั่งการอีก ม็อบครองเมืองจริง ๆ กฎหมู่เหนือกฎหมาย จะเอาอย่างนั้นก็ยกเลิกกฎหมายไปเลย ไม่ต้องมีแล้วกฎจราจร ตำรวจจราจรก็ไม่ต้องมี ดูซิว่าจะเละเทะขนาดไหน
ถ้าเคยไปประเทศที่เจริญแล้ว จะได้เห็นว่าคนเขามีวินัย เคารพกฎหมาย กันขนาดไหน อยากจะเจริญเหมือนเขา เอามาแค่เปลือก คือวัตถุ แต่สำนึกในเรื่องสิทธิ และเคารพกฎหมาย ไม่เอามาด้วย มันก็ยุ่งอย่างนี้แหละครับ
สำหรับท่านที่เดินทางแล้วพบเจอด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็กรุณาปฏิบัติตามกฎหมาย ให้ความร่วมมือ และเห็นใจในการทำงานของตำรวจด้วยนะครับ เขาทำงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดกับท่าน หรือคนที่ท่านรัก นอกจากนี้ท่านยังสามารถแวะเข้าไปพักรถ พักคนที่จุดบริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ในจุดใหญ่ ๆ ถนนสายหลักนี่ ท่านสามารถเข้าไปขอกาแฟฟรี น้ำฟรี หรือเข้าห้องน้ำก็ได้นะครับ ทุกแห่งยินดีให้บริการ
ถ้าเคยไปประเทศที่เจริญแล้ว จะได้เห็นว่าคนเขามีวินัย เคารพกฎหมาย กันขนาดไหน อยากจะเจริญเหมือนเขา เอามาแค่เปลือก คือวัตถุ แต่สำนึกในเรื่องสิทธิ และเคารพกฎหมาย ไม่เอามาด้วย มันก็ยุ่งอย่างนี้แหละครับ
สำหรับท่านที่เดินทางแล้วพบเจอด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็กรุณาปฏิบัติตามกฎหมาย ให้ความร่วมมือ และเห็นใจในการทำงานของตำรวจด้วยนะครับ เขาทำงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดกับท่าน หรือคนที่ท่านรัก นอกจากนี้ท่านยังสามารถแวะเข้าไปพักรถ พักคนที่จุดบริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ในจุดใหญ่ ๆ ถนนสายหลักนี่ ท่านสามารถเข้าไปขอกาแฟฟรี น้ำฟรี หรือเข้าห้องน้ำก็ได้นะครับ ทุกแห่งยินดีให้บริการ
จุดเริ่มต้นในการกวดขัน 7 วันอันตราย(ดัดจริตเปลี่ยนชื่อทุกปี) เริ่มมาจากรัฐบาลนายกทักษิณ ที่เห็นว่าคนไทยสูญเสียไปมากมายกับอุบัติเหตุทางถนน เทศกาลแห่งความสุขกลับมีคนตายมากมาย จึงได้เริ่มกวดขันวินัยจราจรกันมาตั้งแต่นั้น เป็นเหตุให้ตำรวจต้องเหนื่อยมากขึ้นในช่วงวันหยุดเทศกาล ถ้าผู้มีอำนาจ เกลียดระบอบทักษิณจริง ๆ ก็เลิกอันนี้ด้วยสิ พวกผมจะได้พักผ่อนปีใหม่ สงกรานต์กับครอบครัวบ้าง
ปล. อาจารย์โก๋(พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ท่านกล่าวไว้ประมาณว่า เรื่องอุบัติเหตุทางถนน ไม่ควรอยู่กับ ป้องกันภัยพลเรือน เพราะ ปภ. นี่น่าจะเอาไว้ทำเรื่อง ภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ อะไรพวกนั้นมากกว่า จริง ๆ เรื่องอุบัติเหตุทางถนนควรอยู่กับ คมนาคม เพราะเป็นเรื่องของ ถนน ที่คมนาคมรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งถนน เป็นหนึ่งในปัจจัยของการเกิดอุบัติเหตุ(ปัจจัยการเกิดอุบัติเหตุจราจร คือ คน-รถ-ถนน-สภาพแวดล้อม) จะได้เป็นแม่งานในการแก้ไข ตั้งงบได้เต็มที่ ตอนนี้มันเลย ผิดฝา ผิดตัว ไปหมด
ปล. อาจารย์โก๋(พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ท่านกล่าวไว้ประมาณว่า เรื่องอุบัติเหตุทางถนน ไม่ควรอยู่กับ ป้องกันภัยพลเรือน เพราะ ปภ. นี่น่าจะเอาไว้ทำเรื่อง ภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ อะไรพวกนั้นมากกว่า จริง ๆ เรื่องอุบัติเหตุทางถนนควรอยู่กับ คมนาคม เพราะเป็นเรื่องของ ถนน ที่คมนาคมรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งถนน เป็นหนึ่งในปัจจัยของการเกิดอุบัติเหตุ(ปัจจัยการเกิดอุบัติเหตุจราจร คือ คน-รถ-ถนน-สภาพแวดล้อม) จะได้เป็นแม่งานในการแก้ไข ตั้งงบได้เต็มที่ ตอนนี้มันเลย ผิดฝา ผิดตัว ไปหมด
ซีรี่ย์ชุด "โรงพักเป็นจุดแตกหัก"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น